วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x000000D1
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552
Internet Explorer 8 "ปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อออนไลน์"
รู้หรือไม่ว่า มัลแวร์ คือซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความเสียหายใ้ห้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์ มัลแวร์อาจถูกดาวน์โหลดโดยที่คุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ได้อนุญาต ฟิชชิ่ง คือช่องทางสำหรับอาชญากรในการดึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ (เช่น หมายเลขบัตรเครดิต) โดยแสร้งว่าเป็นองค์กรที่ถูกกฏหมาย เช่น ธนาคารของคุณ Internet Explorer จะช่วยป้องกันการจู่โจมเหล่านี้ และอื่นๆ อีกมากมาย การให้บริการเบราว์เซอร์ที่ไว้วา่งใจได้นั้น หมายถึงเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัยสูงและเชื่อถือได้ เป็นเบราว์เซอร์ที่เคารพการตัดสินใจของผู้ใช้งาน และช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมคอมพิวเตอร์และข้อมูลของตนเองได้
Internet Explorer 8 ขอแนะนำคุณสมบัติในการตรวจพบรหัสที่เป็นอันตรายบนเว็บไซต์ที่ละเมิดความปลอดภัย เพื่อช่วยปกป้องคุณจากการถูกหาผลประโยชน์ที่นำไปสู่การเิปิดเผยข้อมูล การขโมยคุกกี้ การโจรกรรมบัญชีผู้ใช้/ข้อมูลประจำตัว และอื่นๆ การจู่โจมเหล่านี้เป็นการคุกคามทางออนไลน์ประเภทหลัก เราจึงได้รวม Cross Site Scripting ซึ่งเป็นตัวกรองชนิดใหม่ เพื่อให้คุณออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น การเน้นโดเมน
การเน้นโดเมนทำใ้ห้คุณตีความที่อยู่เว็บต่างๆ (URLs) ได้ง่ายขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ประสงค์ร้ายและฟิชชิ่งเว็บไซต์ที่พยายามลวงคุณด้วยที่อยู่เว็บซึ่งชวนให้เข้าใจผิด ุคุูณลักษณะนี้จะเน้นสีดำที่ชื่อโดเมนที่ปรากฏในแถบที่อยู่ และส่วนอื่นๆของ URL จะแสดงด้วยสีเทา เพื่อให้ระบุคุณลักษณะเฉพาะของเว็บไซต์นั้นๆ ได้ง่ายขึ้น
Data Execution Prevention (DEP) (การป้องกันการดำเนินการข้อมูล)
การป้องกันการดำเนินการข้อมูล (DEP) ที่เปิดการทำงานตามค่าเริ่มต้นของ Internet Explorer 8 ใน Windows Vista Service Pack 1 นั้นเป็นคุณลักษณะเพื่อความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณจากความเสียหายที่เกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์และการคุกคามความปลอดภัยต่างๆ โดยป้องกันไม่ให้มีการเขียนรหัสบางประเภทลงในพื้นที่หน่วยความจำที่ปฏิบัติการได้
ขอบคุณบทความจาก ไมโครซอฟท์
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552
Firefox : อีกหนึ่งเคล็ดลับของการเร่งสปีด
ขั้นตอนของการปรับแต่งก็ยังคงต้องเข้าไปที่หน้าคอนฟิกที่ซ่อนไว้เหมือนเดิม โดยเปิดโปรแกรมบราวเซอร์ Firefox จากนั้นในช่องป้อนแอดเดรสของเว็บไซต์ให้พิมพ์คำสั่ง about:config แล้วกดปุ่ม Enter รายการของข้อกำหนดการทำงานต่างๆ ของโปรแกรมจะปรากฏขึ้นมา ให้คลิ้กเลื่อนลงมาจนกระทั่งพบหัวข้อ network. prefetch-next หรือพิมพ์ในช่อง Filter ซึ่งเร็วกว่าใช้สายตาควานหาแน่นอน ยกเว้นคุณจะพิมพ์ผิด
แต่เอาละครับ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อพบรายการของข้อกำหนดนี้แล้ว สังเกตที่คอลัมน์ Value จะพบว่า มันได้รับการกำหนดให้มีค่าบูลีนเป็น true ให้ดับเบิลคลิ้กบนรายการ เพื่อสลับค่าเป็น false ปิดบราวเซอร์ แล้วเปิดให้ขึ้นทำงานใหม่
อีกครั้งทดลองพิมพ์ URL ของเว็บไซต์โปรดแล้วกด Enter เพื่อนๆ จะสังเกตเห็นความเร็วของการเปิดหน้าเว็บที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน นายเกาเหลาลองแล้ว...ชอบจริงๆ เทคนิคง่ายๆ และได้ผลอย่างนี้
ทิปจาก : www.arip.co.th
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
เร่งความเร็ว Firefox ให้แรงสะใจ!
แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ ใช้งานและติดตั้งง่ายมาก
ขอบคุณบทความของ 2beshop.com
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552
Download: แต่งร้อยภาพในคลิ้กเดียว
Image Tuner เป็นซอฟต์แวร์แจกฟรีที่สามารถปรับขนาด แปลงไฟล์ ใส่ลายน้ำ และเปลี่ยนชื่อไฟล์ภาพทั้งหมดได้ในคราวเดียว (batch) โดยสามารถแปลงไฟล์ภาพให้อยู่ในฟอร์แมตต่างๆ ได้มากกว่า 20 ฟอร์แมตด้วยกัน เช่น JPEG, BMP, PNG, TIFF หรือ GIF เป็นต้น ขณะเดียวกันมันยังรองรับฟอร์แมตไฟล์ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลได้หลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น CRW, CR2, RAW, NEF, DCR, X3Fและ ORF สำหรับคุณผู้อ่านที่ต้องเตรียมไฟล์ภาพดิจิตอล เพื่ออัพโหลดเข้าไปใน iPhone, iPod, Facebook, Twitter และ DVD ไม่ควรพลาด!!! ที่สำคัญขนาดโปรแกรมยังเล็กมากอีกด้วยแค่ 2MB เท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.arip.co.th
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x000000ED
วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x0000001E
วิธีแก้ปัญหาให้ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ในดิสก์ที่มีเนื้อหาที่ว่างพอ อัพเดตไบออสด้วยหากเมนบอร์ดของคุณใช้ไบออสที่มีเวอร์ชั่นเก่าเกินไป
วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x000000EA
วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x0000000A
วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code คืออะไร ???
ถ้าคุณใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์อยู่เป็นประจำละก็ ผมเชื่อว่าต้องเคยพบกับรายงานความผิดพลาดอย่าง Error 126, STOP: 0x0000007B (0xF741B84C,0xC0000034,0x00000000,0x00000000) หรือไม่ก็ Error 0x800a0099 ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “บลูสกรีน”
หรือแม้แต่แสดงผ่านแมสเสจ บ็อกซ์ ของวินโดวส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้น และแนะนำให้คุณแก้ปัญหาเบื้องต้นนี้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะสนใจและอ่านรายงานความผิดพลาดจนจบ เมื่อเจอกับข้อความ Error เข้า ส่วนใหญ่ก็จะไล่ปิดหน้าต่างหนีไปซะเลย ทำให้ปัญหาเหล่านั้นยังคงค้างคาอยู่ในเครื่อง และรอวันที่จะสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะส่วนของโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องของคุณอีกด้วย ที่อาจจะเริ่มทำงานผิดปกติ แต่ผู้ใช้กลับไม่รู้ตัว เพราะมีเพียงซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเท่านั้น ที่จะทราบถึงปัญหาความผิดปกติเล็กน้อยที่เริ่มก่อตัวขึ้น ดังนั้น ถ้าวันใดที่คุณพบ Error Code หรือรายงานความผิดพลาดแจ้งขึ้นมาอีก แนะนำให้ทำความเข้าใจกับมันก่อน คุณอาจจะจดเอาไว้ในกระดาษ แล้วค่อยไปค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทีหลัง
Error Code ไม่หน้ากลัวอย่างที่คิด
การคิดไปล่วงหน้าเองว่า ตัวคุณจะรับมือกับความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์ และวินโดวส์โดยลำพังไม่ไหวนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไปซักนิด เพราะถ้าคุณยังไม่ได้ลงมือทำ หรือแก้ปัญหาด้วยตนเองก็จะไม่รู้เลยว่า ทุกปัญหานั้นยังพอมีทางแก้ไข ถึงแม้บางทีจะไม่ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ตามแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณรักษาข้อมูลสำคัญเอาไว้ได้เช่นกัน
เมื่อวินโดวส์แสดงรหัสความผิดพลาดอย่าง Error Code หรือ Error Message ต่างๆขึ้นมาอย่าเพิ่งตกใจชัตดาวน์เครื่องแล้วหนีปัญหาไปนะครับ ถ้าเป็นหน้าจอบลูสกรีน แล้วมีตัวหนังสือเยอะๆ หรือตัวเลขฐาน 16 ที่คุณไม่รู้ความหมายนั้น ให้อ่านข้อมูลคร่าวๆ ที่เป็นการแจ้งความผิดพลาดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้จด Error Code หรืออาจจะเป็น Error Message ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอลงในกระดาษ คุณอาจใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อเก็บรายระเอียดต่างๆ ให้หมด การค้นหาคำตอบหรือความหมายของรหัสความผิดพลาดเหล่านั้นให้เริ่มต้นจาก Help ของวินโดวส์ก่อน ถ้าไม่พบข้อมูลที่ต้องการก็ให้ค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูล เว็บไดเรกทอรีต่างๆโดยเฉพาะที่เว็บ http://support.microsoft.com นั้น เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ที่ควรเข้าไปใช้บริการบ่อยๆ เพราะเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์โดยตรง แต่บางที การค้นหาเอาตามเว็บบอร์ดไอทีต่างๆ อาจได้คำตอบเร็วกว่าที่คิด เพราะมีคนเข้าออกและผ่านเข้ามาตอบปัญหาให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผมคนหนึ่งละครับ ที่มักจะขอความช่วยเหลือจากที่นี่
และหลังจากที่ทุกคนได้อ่านบทความ ณ ที่นี้จนจบแล้ว เชื่อว่าพวกคุณพร้อมแล้วกับการพิชิตปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง
วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552
ไขปัญหาจุกจิกในการแสดงผล
ต้องพิมพ์ตัวต่อไปก่อนจึงจะเห็น เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ๆ กับผู้ที่ใช้การ์ดจอของ TNT ครับให้ลองหา Driver รุ่นใหม่ ๆ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอมาใช้ จะแก้ไขได้หรือใช้ Driver ของ Detonator Version 3.65 หรือใหม่กว่านี้ขึ้นไป หาได้จาก http://www.nvidia.com
ปัญหาสีเพี้ยนของหน้าจอแก้ปัญหาอย่างไร
ปัญหาสีเพี้ยนลักษณะนี้อาจเกิดจากคลื่นแม่เหล็กที่วางอยู่ใกล้ ( ตู้เย็น,เตาอบไมโครเวฟ,ลำโพง ) ภาพที่ปรากฎ จึงมีสีเพี้ยนไป ซึ่งหากว่ามีการนำลำโพงที่ไม่มี Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็ก ไปวางไว้ข้างจอคอมพิวเตอร์ ก็อาจพบว่าภาพบนจอคอมพิวเตอร์แสดงสีเพี้ยน ๆ เพราะว่าในตัวของลำโพงจะประกอบไปด้วยคลื่นแม่เหล็กแรงสูงอยู่ภายใน จึงทำให้มอนิเตอร์ที่มีการใช้สนามแม่เหล็กในการควบคุมการยิงเม็ดสี ให้ตกกระทบ ตรงตำแหน่งบนหน้าจออย่างถูกต้อง เกิดอาการยิงผิดยิงถูก ภาพที่ออกมาจึงมีสี เพี้ยนไป วิธีการแก้ไขก็เพียงวางลำโพงให้ห่างจากจอคอมพิวเตอร์พอประมาณ หรือหาลำโพงที่ Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็กมาใช้ ภาพสีก็จะหายไปครับ แต่ถ้าอาการยัง ไม่ดีขึ้น ควรให้ช่างตรวจเช็คดูดีกว่า เพราะบางทีอาจมีปัญหาที่จอมอนิเตอร์เอง
เพราะเหตุใดจอจึงดับโดยไร้สาเหตุ
ใช้ Windows 98 ตอนบูตเครื่องขึ้นมาไม่มีปัญหา แต่ถ้าทิ้งเครื่องไว้สักประมาณ 5 นาทีหรือขณะกำลังทำงาน อยู่ จอก็ดับไปเฉย ๆ แต่เครื่องทำงานอยู่ ถ้าไปกดปุ่ม ESC ก็จะกลับมาเหมือนเดิม สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็คือ เกิดจากการตั้งค่า ในส่วน Power Management ( การประหยัดในวินโดวส์ เมื่อไม่ได้ทำงานบนคอมพิวเตอร์เป็นเวาลานาน ๆ ) ของวินโดวส์ ซึ่งขั้นตอนการแก้ไขก็ทำตามขั้นตอนดังนี้
1 เข้าไปในส่วนของ Display Properties คลิกแท็บ Screen Saver
2 คลิกปุ่ม Setting
3 คลิกที่แท็บ Power Schemes
4 เลือกค่าต่าง ๆ ในส่วนของ Setting for Always.... ให้เป็น Never ให้หมด และคลิกปุ่ม OK เพื่อทำการบันทึกค่า
5 คลิกปุ่ม OK อีกครั้งเพื่อปิด หน้าต่าง Display Propertie เพียงแค่นี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว
ชัตดาวน์แล้วปรากฎข้อความ "Windows protect error"
ปัญหานี้มักจะเกิดมาจากไดรเวอร์ของอุปกรณ์ฮาร์แวร์ประเภทการ์ดจอ และเมนบอร์ดเสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งการแก้ไขทั่ว ไปก็ให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ ตัวใหม่ ๆ จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต มาแทนไดรเวอร์ ตัวเก่า ส่วนคนที่ใช้การ์ดจอของ Nvidia และใช้ไดรเวอร์ Detemator 3 (6.xx) ก็จะเกิดปัญหานี้ด้วย เพราะว่า Detemator 3 (6.xx) จะไม่ทำการเคลียร์แรม เมื่อเลิกใช้ พอทำการชัตดาวน์วินโดวส์มันจะจัดการกับแรมที่ค้างไม่ได้ จึงขึ้นข้อความ Protection Error ทางแก้ไขนั้นให้ทำการ ดาวน์โหลดไดรเวอร์การ์ดจอของ Nvidia เวอร์ชั่น 7.xx มาใช้งาน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ http://www.nvidia.com แต่ไดรเวอร์ตัวนี้ก็ยังมีปัญหาในการเล่น Mode 3D วิธีแก้ก็ให้คุณทำการรีสตาร์ทใหม่ 1 ครั้ง แล้วค่อยชัตดาวน์ครับ
จอภาพสั่น ๆ หรือกระพริบอยู่ตลอดเวลา ทำงานแล้วรู้สึกปวดตาจะแก้ปัญหาอย่างไรดี ??
ปัญหานี้เกิดจากคุณไม่ได้เข้าไปปรับอัตรา Refresh Rate ของจอภาพใน Windows ครับ หรือถ้าปรับแล้วก็ยังสั่นอยู่อีก ให้ลองดูครับว่ามีคลื่นสนามแม่เหล็ก มากวนจอภาพของเราหรือเปล่า เช่น จอภาพที่วางใกล้ ๆ กัน หรือจะเป็นคลื่นจากลำโพงที่วางไว้ใกล้กับจอภาพ อัตรา Refresh สูง ๆ นั้นจะช่วยให้ภาพที่แสดงออกมานั้นนิ่งดูสบายตามากขึ้น สำหรับจอภาพขนาด 15" ส่วนใหญ่จะปรับอัตรา Refresh Rate อยู่ที่ 75-85 Hz ซึ่งการปรับอัตรา Refresh Rate นี้จะสัมพันธ์กับความละเอียดของจอด้วย เช่น 800x600 @ 85Hz , 1024x768 @ 75Hz ฯลฯ ขั้นตอนการปรับอัตรา Refresh Rate ทำได้ดังนี้
- คลิกขวาที่ Desktop เลือก Properties
- คลิกที่แท็บ Settings และคลิกที่ Advanced
- คลิกที่แท็บ Adapter ที่ Refresh Rate สามารถปรับอัตรา Refresh Rate ได้ตามต้องการ
- คลิก ปุ่ม OK
- คลิกปุ่ม YES เพื่อยืนยันอีกครั้ง เพียงแค่นี้ก็สามารถแก้ปัญหาได้แล้วละครับ
หากไม่มีส่วนให้ปรับค่า Refresh Rate ทำอย่างไร
เป็นปัญหาพอสมควร เพราะหลังจากการที่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ต่าง ๆ ครบแล้วครั้นจะมาทำการปรับแต่งอัตรา Refresh Rate แต่ปรากฎว่าไม่สามารถทำได้เลย เพราะไม่มีช่องให้ปรับแต่ง ซึ่งหากว่าพบปัณหาแบบนี้ก็ต้อง ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการปรับแต่งนั่นก็คือ โปรแกรม Power Strip โดยสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download.com เมื่อทำการ ดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จแล้ว ตัวโปรแกรมก็จะฝังตัวอยู่ที่ทาส์บาร์ใกล้ ๆ กับนาฬิกาด้านขวาล่าง ซึ่งขั้นตอนในการปรับแต่งจากโปรแกรม Power Strip มีดังนี้
1 คลิกขวาที่ไอคอน Power Strip
2 เลือกไปที่ตัวเลือก Desk top
3 ปรับค่ารีเฟรชในส่วนของ Refresh Rate ซึ่งควรปรับอยู่ที่ 70-85 Hz
4 เมื่อปรับแล้วก็ให้ คลิกปุ่ม OK เท่านี้ก็สามารถปรับอัตรารีเฟรซได้แล้วครับ
วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552
การแชร์ Internet ADSL ด้วย ICS (Internet Connection Sharing)
อันดับแรกก็คงต้องทำให้เครื่องให้สามารถออกอินเทอร์เน็ตได้ก่อน โดยเครื่องนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือโมเด็มเอาไว้สำหรับต่ออินเทอร์เน็ต โดยตัวเครื่องต้องมีระบบเน็ตเวิร์กติดตั้งเอาให้เรียบร้อยก่อน สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็คือการแชร์ ICS ซึ่งเป็นฟังก์ชันมาตรฐานสำหรับวินโดวส์เอ็กซ์พีให้ทำงานขึ้นมา ขั้นตอนแรกก็ง่ายๆ ครับ ก่อนอื่นให้เซตอัพการ์ดเน็ตเวิร์กในเครื่องแรกให้มีการเซตอัพค่าหมายเลข IP ก่อน โดยการทำขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มแรกคลิกที่ปุ่มสตาร์ต เลือกที่ Control Panelจากนั้นให้เลือกที่ Network Connections
2. คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่ Local Area Connection เลือกที่ Properties แล้วก็จะปรากฏหน้าต่าง Properties ของเน็ตเวิร์กขึ้นมา
3. ให้กำหนดค่าของหมายเลขไอพีให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะออกอินเทอร์เน็ต โดยให้เลือกที่ TCP/IP จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Properties เพื่อเตรียมกำหนดค่า IP Address โดยเมื่อหน้าต่าง TCP/IP Properties
4. จากนั้นกำหนดหมายเลข IP ให้กับเครื่องเป็น 192.168.0.1 เพื่อกำหนดให้เป็นเครื่องแรก จากนั้นป้อนค่า Subnet Mark โดยให้มีค่าเป็น 255.255.255.0
5. จากนั้นไปกำหนดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งในที่นี้เราใช้การ Dial up ออกสู่อินเทอร์เน็ต ดังนั้นควรจะติดตั้งโมเด็มและสร้าง Connection สำหรับโมเด็มให้เรียบร้อยก่อนที่เข้าสู่การแชร์อินเทอร์เน็ต
วิธีการแชร์อินเทอร์เน็ต
1. เริ่มต้นคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือก Control Panel แล้วเลือกที่ Network Connection เช่นเดิม
2. ต่อมาให้คลิกขวาที่ไอคอนของไดอัลอัพที่เราจะใช้โมเด็มหมุนออกอินเทอร์เน็ตต่อไปและเลือกที่ Properties
3. จากนั้นให้เลือกที่แท็บ Advanced เพื่อกำหนดการแชร์อินเทอร์เน็ต จะเห็นหน้าต่างของการแชร์อินเทอร์เน็ตขึ้น โดยจะอยู่ในกรอบ Internet Connection Sharing ที่นี้ก็ให้เราคลิกเช็กบ็อกซ์เลือกที่ "Allow other network users to connect through this computer's internet connection" ซึ่งก็จะปรากฏหัวข้ออีกสองอันขึ้นมา
"Establish a dial-up connection whenever a computer on my network attempts to access the internet" "หัวข้อนี้จะหมายความว่า จะยอมให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่ต่ออยู่กับเน็ตเวิร์กนั้น สามารถไดอัลอัพโมเด็มที่อยู่ในเครื่องหลัก เพื่อออกสู่อินเทอร์เน็ตได้ หากว่าต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือไม่ หากต้องการให้ต้องไดอัลผ่านคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็ให้เช็กบ็อกซ์ที่อยู่ด้านหน้า หรือหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไป
"Allow other network users to control or disable the shared internet connection" หมายถึงว่าให้ผู้ใช้บนเครื่องอื่นๆ นั้น สามารถควบคุมหรือยกเลิกการแชร์อินเทอร์เน็ตในเครื่องหลักได้หรือเปล่า ซึ่งหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไปเช่นเดียวกัน โดยตามปกตินั้น ให้เราเอาหัวข้อทั้งสองออก โดยไม่ต้องไปเช็กบ็อกซ์ นั่นเอง
หลังจากนี้ก็ให้ปิดหน้าต่างทุกหน้าต่างลง เท่านี้การเซตอัพเครื่องสำหรับเตรียมให้บริการแชร์อินเทอร์เน็ตเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนการเซตอัพเครื่องในระบบเครือข่าย
หลังจากที่เซตอัพเครื่องหลักเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาถึงการเซตอัพเครื่องลูกข่ายเพื่อให้ใช้อินเทอร์เน็ตที่แชร์เอาไว้บ้างล่ะครับ ซึ่งก็เรียกว่าไม่แตกต่างไปจากการเซตอัพเครื่องหลักมากนัก โดยเราจะเน้นกันที่การเซตอัพเน็ตเวิร์กเป็นหลักซึ่งสิ่งที่ต้องการสำหรับเครื่องลูกนี้ก็คือการ์ดเน็ตเวิร์กที่เซตอัพเรียบร้อยสามารถทำงานได้เท่านั้น โดยเครื่องนี้เราไม่ต้องมีโมเด็มก็ได้ เพราะไม่จำเป็นแล้ว
เริ่มต้นด้วยการกำหนดหมายเลขไอพี สำหรับเครื่องที่ 2 โดยทำขั้นตอนเหมือนกับการเซตอัพเครื่องเซิร์ฟเวอร์ แต่เปลี่ยนหมายเลขไอพีให้เป็น 192.168.0.2 แทน โดยกำหนดให้หมายเลข 2 ตัวสุดท้ายที่เปลี่ยนแปลงนั้นหมายถึงเลข IP ประจำเครื่องที่ 2 และหากมีเครื่องมากกว่านี้ ก็ให้กำหนดเพิ่มขึ้นไป เช่น 3, 4, 5 ... นั่นเอง
หลังจากที่เรากำหนดหมายเลขไอพีเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเช็กดูว่าเครื่องที่ใช้อยู่นั้น มีหมายเลข IP ตามที่กำหนดหรือไม่ โดยการคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือกที่ RUN แล้ว พิมพ์คำว่า Command ลงไป ให้ลองตรวจสอบหมายเลขไอพี โดยพิมพ์คำว่า "IPCONFIG" ลงไปที่คอมมานพรอมต์ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะปรากฏหมายเลข IP พร้อมกับหมายเลข Subnet Mark
ที่นี้ลองตรวจสอบดูว่าเครื่องที่เราเซตอัพอยู่นี้ สามารถมองเห็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการแชร์อินเทอร์เน็ตหรือไม่ โดยการใช้คำสั่ง PING ไปที่ เครื่องหลัก โดยสั่งว่า PING 192.168.0.1 ที่คอมมานพรอมต์ เพื่อตรวจสอบแพ็กเกจข้อมูล เมื่อเครื่องลูกสามารถมองเห็นเครื่องแม่แล้ว
ทีนี้เราก็เหลือขั้นตอนการเซตอัพอยู่อีกขั้นตอนเดียวก็คือการเซตอัพคอนฟิกในIE เพื่อให้ตรวจสอบ Proxy โดยอัตโนมัติ ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเช่นเดียวกัน ขั้นตอนแรกก็เรียก IE ขึ้นมา และให้คลิกที่เมนู Tools และเลือกที่ Internet Options...
จากนั้นให้คลิกที่แท็บ Connections แล้วคลิกที่ปุ่ม LAN Settings ซึ่งอยู่ในส่วนของ Local Area Network (LANs) Settings ให้คลิกเช็กบ็อกซ์ "Automatically detect setting" เพื่อกำหนดให้ตรวจสอบ Proxy Server โดยอัตโนมัติ
หลังจากนี้ก็ให้คลิกที่ปุ่ม OK และออกจากการเซตอัพ Internet Options นี้ ซึ่งเท่านี้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มากกว่าสองเครื่องในบ้านคุณ ก็พร้อมจะใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้แอ็กเคานต์และคู่สายโทรศัพท์เพียงคู่เดียว บนวินโดวส์เอ็กซ์พีแล้ว
ขอบคุณบทความจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552
ช่วยด้วย!!! เดสก์ทอปเหลือแค่วอลล์เปเปอร์
1. ก่อนอื่น ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า อาการดังกล่าวเกิดจากไฟล์ explorer.exe เสีย ซึ่งสามารถสรุปได้ หากเพื่อนๆ ยังคงล็อกออนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ได้ แม้เมื่อเข้าไปแล้วจะไม่พบเห็นอะไรเลยนอกจากวอลล์เปเปอร์ที่ว่างเปล่าก็ตาม
2. กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Run
3. พิมพ์คำสั่ง %SystemRoot%System32estorestui.exe แล้วคลิ้กปุ่ม OK
4. รอสักครู่ หน้าต่างโปรแกรม System Restore จะปรากฏขึ้นมา
5. เลือกออปชัน “Restore this computer to an earlier point in time” แล้วคลิ้กปุ่ม Next
6. คราวนี้เลือก Restore Point (วันเวลาที่ต้องการเรียกคืนสภาพของระบบการทำงานก่อนหน้านั้น) ก่อนที่ explorer.exe จะมีปัญหา การเรียกคืนระบบจะไม่ยุ่งกับไฟล์เอกสารแต่อย่างใด ไม่ต้องกลัวว่า ถ้าย้อนเวลาไปแล้ว ไฟล์เอกสารจะหาย
7. เลือกวันที่ต้องการเรียกคืนระบบ แล้วคลิ้กปุ่ม Next
เมื่อผ่านขั้นตอนการ Restore แล้ว คอมพิวเตอร์จะรีบูต และโหลดแบ็กอัพก่อนหน้านั้น (ก่อนหน้าที่ explorer.exe จะเสีย) ซึ่งทุกอย่างบนเดสก์ทอปน่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาจะยากกว่านี้ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเพื่อนปิดการทำงานของ Restore นะครับ
ขอบคุณบทความจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552
กู้ข้อมูลจาก harddisk ที่เสียแล้ว
โดยวิธีการนี้จะช่วยให้คุณเรียกใช้งานในสถานะที่ได้ทำการ back up ข้อมูลล่าสุดไว้ได้ แต่จะไม่ถึงกับ 100% อย่างไรก็ตามคุณก็ยังได้ข้อมูลส่วนใหญ่กลับมา หลังจากนั้นให้คุณใช้ scandisk หรือ checkdisk ที่มีอยู่แล้วบน windows ทำการตรวจสอบ harddisk ของคุณอีกที
ถ้าหากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่แสดงหน้า start-up option หรือตัวเลือกต่าง ๆ ดังที่เห็นในภาพข้างบน คุณอาจจะต้อง boot คอมพิวเตอร์ผ่านแผ่น disk หรือแผ่น cd ของ windows และเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณเปลี่ยนการ boot เครื่องให้ boot ผ่านแผ่น disk หรือแผ่น cd คุณอาจจะต้องไปที่ bios เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าให้ start-up ทำงานที่ cd-rom drive
เมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถ boot ผ่านแผ่นโปรแแกรม windows disk จะมี option ให้คุณเลือกซึ่งหนึ่งในนั้นคือ recovery console ให้คุณเลือกอันนี้โดยการกด “r” ดังตัวอย่างที่เห็นในรูป
จากนั้นหน้าจอจะไปสู่หน้าสีดำที่มีตัวหนังสือสีขาว เมื่อขึ้นหน้าจอสีดำแล้วให้คุณพิมพ์ chkdsk/r เพื่อเริ่มต้นการทำงาน checkdisk ซึ่งสามารถช่วยในการตรวจสอบปัญหา และซ่อมแซม harddisk ได้ หลังจากที่คุณทำการ checkdisk ไปเรียบร้อยแล้วถ้าได้ผลคอมพิวเตอร์ของคุณจะทำการ reboot แล้วทำงานได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตามจะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณพยายาม back up ข้อมูลไว้เป็นระยะ ๆ เนื่องจากการใช้วิธีนี้ได้ผลแค่ครั้ง หรือสองครั้งเท่านั้นถ้าอาการเกิดขึ้นบ่อย ๆ แนะนำให้ซื้อ harddisk ใหม่ไปเลยดีกว่า แล้วค่อยโอนข้อมูลที่ได้ทำการ back up ไว้แล้วถ่ายโอนไปที่ harddisk ลูกใหม่
ถ้าใช้วิธี checkdisk แล้วไม่ได้ผลให้กลับไปเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงหน้าจอ recovery console แล้วให้เลือก fixboot ซึ่งถ้าคุณเลือกตัวนี้มันจะทำการ rewrite ตัว startup sector บน harddisk ขงอคุณใหม่ และถ้าคุณเลือก fixmbr ระบบก็จะทำการซ่อมแซม master boot record
ที่กล่าวมาสองตัวหลังนี้เป็นคำสั่งการทำงานที่ค่อนข้างจะ advance ซักหน่อย จำไว้ว่าถ้าคุณเลือกสองข้อนี้ก็ต้องลุ้นกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ ให้คุณถอด harddisk ออกมาแล้วทำการต่อ harddisk ตัวนี้เข้ากับ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นผ่าน usb port ซึ่งคอมพิวเตอร์เครื่องนี้จะมอง harddisk ที่ต่อผ่าน usb port เป็น slave หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือเอา harddisk ออกมาแล้วทำเป็น external harddisk เสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเพื่อทดลองอ่านข้อมูลนั่นเอง
วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552
Vista : ยกเลิก Windows Key
พระเอกของเรายังคงเป็น Registry Editor เช่นเคย โดยเราจะเข้าไปแก้ไขให้ระบบปฏิบัติการเข้าใจว่า ไม่มีปุ่ม WinKey นั่นเอง ขั้นแรกเปิดโปรแกรมด้วยการพิมพ์คำสั่ง regedit.exe ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Run (หรือพิมพ์เข้าไปในช่อง Search แล้วกดปุ่ม Enter) เมื่อหน้าต่างโปรแกรมเปิดขึ้นมา ในกรอบทางด้านซ้ายมือ ให้คลิ้กเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\ CurrentVersion\Policies\Explorer
เมื่อเข้าไปถึงชั้นของรายการ Explorer แล้ว ให้คลิ้กบนที่ว่างในกรอบทางขวามือของหน้าต่างโปรแกรม เลือกคำสั่ง New ตามด้วย 32-bit DWORD value ตั้งชื่อเป็น NoWinKeys พร้อมทั้งกำหนดค่าให้เป็น 1
ให้คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดโปรแกรม Registry Editor จากนั้นรีสตาร์ต Explorer อีกครั้ง ด้วยการล็อกออฟออกจากระบบ แล้วล็อกออนเข้ามาใหม่ คราวนี้ ลองกดปุ่ม WinKey ร่วมกับคีย์ลัดต่างๆ เช่น WinKey + E คุณก็จะพบว่า มันไม่เปิดหน้าต่าง Explorer ให้กับคุณอีกต่อไปแล้ว
วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552
การลบข้อมูลออกจาก Document ที่อยู่ใน เมนู Start ทำอย่างไร
สำหรับ Win98
1. ให้คลิกที่ปุ่ม Start เลือกที่หัวข้อ Setting แล้วคลิกที่ Taskbar and Start menu
2. เมื่อขึ้นหน้าต่างของ Task bar and Start menu Properties ให้ท่านคลิกที่แท็บ Advance
3. จากนั้นคลิกที่ ปุ่ม Clear เท่านี้ก็เป็นการลบเรียบร้อยครับ
สำหรับ Win XP
1. ให้คลิกขวาตรงพื้นที่ว่างของ Taskbar แล้วเลือก Properties
2. คลิกที่แท็บ Start menu จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Customize
3. ในกรณีที่เป็นแบบ Classic Start Menu ให้คลิกที่ปุ่ม Clear ได้เลย
ในกรณีที่ท่านใ้ช้เมนูแบบ Start Menu เมื่อท่านคลิกที่Customizeแล้วจะปรากฎหน้าต่างCustomize Start menu ให้ท่านคลิกที่แท็บ Advance จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม Clear List ซึ่งอยู่ด้านล่างสุด แล้วคลิกที่ OK ก็เป็นการลบข้อมูลเรียบร้อยครับ และถ้าท่านไม่ต้องการให้มีการบันทึกข้อมูลเอาไว้ใน Document ให้ท่านคลิกยกเลิกเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ List my most recently opened document เท่านี้ก็ข้อมูลของท่านก็ไม่ถูกบันทึกแล้วล่ะครับ