วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Download : Windows Media Encoder ลดขนาดไฟล์วิดีโอ

ผู้ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีกล้องดิจิตอลวิดีโอกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะถ่ายโฮมวิดีโอไว้ดูกันแล้ว ส่วนใหญ่ยังสามารถถ่ายรูปได้คมชัดไม่แพ้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลอีกด้วย และด้วยวัฒนธรรมวิดีโอที่เฟื่องฟูนี่เอง ทำให้ผู้ใช้หลายคนพบว่า ฮาร์ดดิสก์ของเครื่องเต็มไปด้วยไฟล์วิดีโอที่มีขนาดใหญ่ จนแทบไม่เหลือที่ไว้ใช้ทำงานอย่างอื่นแล้ว ร้อยละ 90 เป็นโฮมวิดีโอ จะลบทิ้งก็เสียดาย ครั้นจะเก็บไว้ก็ไม่มีที่ทำงานแล้ว

ทางแก้ของปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ แปลงฟอร์แมตไฟล์วิดีโอเหล่านี้ซะ หรือไม่ก็แบ็กอัพลงแผ่นดีวีดี แต่หลายคนแม้จะแบ็กอัพแล้วก็ยังรู้สึกอยากจะเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วย นายเกาเหลามีคำตอบมาแนะนำกันครับ

หากเพื่อนๆ ต้องการเก็บไฟล์วิดีโอที่มีอยู่มากมายไว้บนฮาร์ดดิสก์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการประหยัดพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไปด้วย นายเกาเหลาแนะนำให้ดาวน์โหลดโปรแกรมแจกฟรีที่ชื่อว่า Windows Media Encoder เพื่อแปลงฟอร์แมตให้วิดีโอมีขนาดไฟล์ที่เล็กลง ซึ่งหลังจากติดตั้งเข้าไปแล้ว ให้คลิ้ก New Session บนทูลบาร์ จากนั้นคลิ้ก Convert a file โปรแกรมจะมีตัววิเศษ (Wizard) ให้คลิ้กตามขั้นตอน โดยที่ดีฟอลต์โปรแกรมเราจะเห็นเฉพาะฟอร์แมตที่แน่นอนเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องเห็นวิดีโอทุกฟอร์แมต ให้คลิ้กเลือก All files ในช่อง Files of type

การแปลงฟอร์แมตไฟล์วิดีโอถือว่าเป็นงานที่หนักมากสำหรับโพรเซสเซอร์ ดังนั้น คงต้องให้เวลาในการทำงานกับโปรแกรมมากสักหน่อย ซึ่งในขั้นตอนการกำหนดค่าการทำงานให้กับโปรแกรม พึงระลึกว่า ยิ่งต้องการให้คุณภาพของวิดีโอที่ได้สูงมากเท่าไร ขนาดของไฟล์หลังจาก encode ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น เพื่อนๆ อาจจะต้องเลือกคุณภาพที่ต่ำลงมาในระดับที่รับได้ เพื่อแลกกับพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ที่จะได้คืนกลับมานั่นเอง แต่ถ้าทำใจกับการแลกพื้นที่กลับมาด้วยคุณภาพไฟล์วิดีโอที่ลดลงไม่ได้ แนะนำให้ซื้อฮาร์ดดิสก์แบบภายนอกไว้ใช้เก็บไฟล์วิดีโอโดยเฉพาะเลยจะดีกว่า เนื่องจากปัจจุบันมันมีราคาถูกลงมา ในขณะที่มีความจุสูงสูงขึ้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณแล้วละครับ

สนใจดาวน์โหลด Windows Media Encoder ได้ที่ http://www.microsoft.com/windows/windowsmedia/forpros/encoder/default.mspx

ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นูรี อัล เคลดี จากเน็ตบุ๊คฟีเวอร์ สู่เน็ตท็อปเชื่อมโลก

สิ่งที่จะกระตุ้นให้เน็ตบุ๊คยังโตได้แม้ราคาโน้ตบุ๊คจะขยับลงมาใกล้เคียงกันมากคือความเหนือกว่าในมุมของขนาดเครื่องที่เล็กกว่าเบากว่า และถูกกว่า

"เน็ตบุ๊คและเน็ตท็อป ประสบความสำเร็จมากๆ และมียอดขายดีในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว เพราะคนนิยมซื้อใช้เป็นเครื่องที่ 2 ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาซื้อเน็ตบุ๊ค และเน็ตท็อป เพื่อใช้เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ซึ่งมันกลายเป็นความท้าทายของผมที่ต้องหาวิธีเพื่อให้แน่ใจได้ว่า ผู้ใช้เข้าใจตัวเองดีแล้วหรือยังว่าเขาต้องการซื้ออะไร เพราะหลายคนซื้อเน็ตบุ๊คกลับไป เพราะเข้าใจว่ามันคือโน้ตบุ๊คราคาถูก แต่พอกลับถึงบ้านเปิดเครื่องแล้วพบว่า มันไม่ได้มีฟังก์ชันอย่างที่ต้องการ"

"นูรี อัล เคลดี" มือวางกลยุทธ์ และการทำตลาดในกลุ่มคอมพิวเตอร์ราคาประหยัดของอินเทล ในฐานะผู้จัดการทั่วไปสำหรับผลิตภัณฑ์เน็ตบุ๊คและเน็ตท็อป กลุ่มโมบายล์ แพลตฟอร์ม บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น จากสหรัฐ เปิดใจกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ในโอกาสเดินสายเวิร์คชอปในประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์รุ่นเล็กทั้ง "เน็ตบุ๊ค" และ "เน็ตท็อป"

ชี้ไทยซื้อเน็ตบุ๊คเป็นพีซีเครื่องแรก
เขายอมรับว่า ที่ผ่านมาตลาดยังสับสนกับเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์เซ็กเมนท์ใหม่ ทั้ง "เน็ตบุ๊ค" หรือคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้แพลตฟอร์มอินเทล อะตอม เพื่อใช้งานฟังก์ชันทั่วไปที่ไม่ต้องการคุณสมบัติเครื่องสูงมากนัก

เช่นเดียวกับ "เน็ตท็อป" ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะบนอินเทล อะตอม แพลตฟอร์ม ที่ลดทอนคุณสมบัติสูงๆ บางอย่าง เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป

"เคลดี" บอกว่า ตลอด 25 ปีที่ได้ร่วมงานกับอินเทลในหลากหลายหน้าที่ ทั้งวิศวกร ดูแลตลาดดีไอวาย เซิร์ฟเวอร์ หรือแม้แต่ดูแลคุณภาพของสินค้า ทว่าบทบาทในฐานะผู้ดูแลทั้งตลาดเน็ตท็อป และเน็ตบุ๊ค ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่มากๆ สำหรับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ และมีความท้าทายมาก ทำให้เขาพบว่างานในหน้าที่ใหม่ก็"ท้าทาย"ไม่แพ้กัน เนื่องจากอยู่ในฐานะที่มีบทบาทสำคัญ และเป็นผู้ตัดสินใจวางงบประมาณสำหรับโครงการคอมพิวเตอร์ราคาประหยัด เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ทุกกลุ่ม

กว่า 3 ปีที่ได้รับมอบหมายเขาพบว่า กระแสความต้องการเครื่องประเภทนี้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ "เน็ตบุ๊ค" ซึ่งเจ้าของเน็ตบุ๊คกว่า 50% ทั่วโลกเป็นผู้ที่มีคอมพิวเตอร์ประเภทใด ประเภทหนึ่งอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อสำหรับพกพาไว้ใช้งานเคลื่อนที่ เนื่องจากมีน้ำหนักเบา

แต่สำหรับประเทศไทยเขาให้ความเห็นว่า ส่วนใหญ่ยังเป็นการซื้อเน็ตบุ๊ค และเน็ตท็อป เพื่อการใช้งานคอมพิวเตอร์ครั้งแรก โดยประเมินในภาพรวมที่สามารถเก็บตัวเลขได้พบว่า ตลาดเน็ตท็อปมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

"คงประเมินตัวเลขที่แท้จริงไม่ได้ แต่ในภาพรวมส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดของ First time buyer เพราะไทยยังถือเป็นตลาดเกิดใหม่สำหรับอินเทล ซึ่งมีโอกาสขยายตัวได้สูงมาก และที่ผ่านมากระแสเน็ตบุ๊คก็ค่อนข้างดี ซึ่งเป็นสัญญาณดีว่าเราเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพราะเราต้องการทลายกำแพงอุปสรรคราคา เพื่อทำให้ปัญหาช่องว่างดิจิทัลลดลง" ผู้บริหารอินเทลว่า

ชี้เทรนด์ขายพ่วง บ.สื่อสาร
ด้านการผลักดันตลาด เขายอมรับว่า นอกจากอินเทลแล้วยังจะต้องได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ทั้งกลุ่มโออีเอ็มเพื่อพัฒนาตัวเครื่อง รวมทั้งการจับมือกับพันธมิตรในกลุ่มบริษัทสื่อสาร ซึ่งเชื่อว่ากำลังจะเป็นแนวทางใหม่ในการทำตลาดที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์รุ่นเล็กเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

"เคลดี" ยกตัวอย่าง ความร่วมมือทำโปรโมชั่นกับบริษัทสื่อสารในฟิลิปปินส์ เพื่อบันเดิลแพ็คเกจดีเอสแอล และบรอดแบนด์ กับคอมพิวเตอร์ของอินเทล ขณะที่ในเวียดนามก็มีโครงการให้แอพพลิเคชั่นด้านการศึกษาสำหรับผู้ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องแรก

ส่วนไทยก็มีโครงการ "มาย แฟมิลี่ พีซี" ที่อินเทลทำร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งไอที และสื่อสาร ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นตลาดเน็ตท็อป ที่ได้รับการตอบรับดีจากผู้ใช้ในประเทศ

เขาเชื่อว่า สิ่งที่จะกระตุ้นให้ตลาด "เน็ตบุ๊ค" ยังเติบโตต่อไปได้ แม้ราคาโน้ตบุ๊คจะขยับลงมาใกล้เคียงกันมาก นั่นคือ ความเหนือกว่าในมุมของขนาดเครื่องที่เล็กกว่า, น้ำหนักเบากว่า และราคาที่ยังคงต่ำกว่าโน้ตบุ๊ค

ขณะที่ "เน็ตท็อป" จะเริ่มมีบทบาทโดดเด่นในเรื่องของราคาที่ต่ำกว่าเครื่องตั้งโต๊ะทั่วไป แต่ก็ยังสามารถตอบสนองการใช้งานพื้นฐานได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง

"ผมตั้งความหวังจะผลักดันตลาดเน็ตท็อปให้มียอดขายดีขึ้นในตลาดกำลังพัฒนา เหมือนกับที่ทำได้แล้วในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว จากปัจจุบันยอดขายในเชิงโวลุ่มส่วนใหญ่ยังคงมาจากเน็ตบุ๊ค ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เราทำให้คนมีพีซีใช้เป็นเครื่องแรกได้มากขึ้น" เคลดีว่า

ทายาทอะตอมมาแน่ต้นปีหน้า
พร้อมกันนี้เขาเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 บริษัทมีแผนเปิดตัวอินเทล อะตอม เจเนอเรชั่นใหม่ "ไพน์ เทรล-ดี (Pine Trail-D Platform)" ซึ่งจะเป็นการผลัดใบจากแพลตฟอร์มปัจจุบันที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา โดยจะจัดเป็นแพลตฟอร์มอะตอมยุคหน้าที่มีทั้งแบบซิงเกิล คอร์ และดูอัล คอร์ ที่จะเอื้อต่อการใช้งานฟังก์ชันสูงๆ มากขึ้น เช่น การใช้ในคอมพิวเตอร์ออล อิน วัน และคอมพิวเตอร์ที่มีรูปทรงขนาดเล็กลง (Small Form Facter)

ขณะที่ไฮไลต์เด่นของเทคโนโลยีดังกล่าวคือ การออกแบบให้ไม่มีพัดลม เพื่อลดความดังในการทำงานของเครื่อง และทำให้การดีไซน์เครื่องให้มีขนาดพื้นที่เล็กลงได้ง่ายมากขึ้น โดยที่ประสิทธิภาพการประมวลผลเพิ่มขึ้น และยังคงใช้พลังงานน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารอารมณ์ดียังบอกอีกว่า เทคโนโลยีใหม่ทั้ง 3 จี และไวแม็กซ์จะเป็น "ตัวจักร" สำคัญที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดความต้องการ "การเชื่อมต่อ" มากขึ้น ซึ่งเขาเชื่อว่า เมื่อถึงเวลานั้นความต้องการเครื่องเพื่อใช้เทคโนโลยีดังกล่าวก็จะยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

ขอบคุณข่าวจาก"กรุงเทพธุรกิจ"

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Network : มือใหม่ไม่เข้าใจอุปกรณ์เครือข่าย

หลายวันก่อนได้พบกับผู้อ่านคนหนึ่ง เพิ่งซื้อโน้ตบุ๊กไว้ใช้เอง ในขณะที่บ้านมีเดสก์ทอปของน้องๆ อีก 2 เครื่อง ประเด็นที่ผู้ใช้มือใหม่คนนี้มาปรึกษากับนายเกาเหลาก็คือ เขาสนใจที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายกับคอมพิวเตอร์ของน้องๆ แต่ไม่ทราบว่า เขาต้องใช้อุปกรณ์อะไรในการเชื่อมต่อเครือข่าย แถมยังถามอีกด้วยว่า เจ้าฮับกับเราเตอร์ที่ได้ยินจากผู้ค้าบอกกับเขา มันต่างกันอย่างไร ? เพราะเขางงไปหมดแล้ว อยากให้นายเกาเหลาช่วยอธิบายให้ฟังสักเล็กน้อย...เห็นว่า คำถามเหล่านี้คงไม่ได้เกิดขึ้นกับมือใหม่ผู้นี้คนเดียวเป็นแน่ เลยถือโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟังผ่านคอลัมน์ยอดฮิตในคอมพิวเตอร์.ทูเดย์ฉบับนี้เลยก็แล้วกันนะครับ

ฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์ที่ถือว่าพื้นฐานมากๆ สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยการทำงานของมันมีหลักง่ายๆ อยู่ว่า เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งบนเครือข่ายต้องการส่งข้อมูลไปให้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ฮับจะทำการส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการทำงานสักเท่าไร เนื่องจากในกรณีที่เกิดมีคอมพิวเตอร์หลายตัวบนเครือข่ายต้องการส่งข้อมูลไปหาเครื่องเป้าหมายพร้อมๆ กัน เครือข่ายก็จะไม่ว่าง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ทำงานช้าลงนั่นเอง

คำตอบที่ดีกว่าฮับก็คือ สวิตช์ (Switch) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์เช่นเดียวกัน โดยการทำงานของมันจะเหมือนกับฮับ แต่มันจะใช้วิธีส่งข้อมูลไปยังเครื่องเป้าหมาย แทนการส่งออกไปยังทุกเครื่อง

ส่วนเราเตอร์ (Router) จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย ในกรณีของผู้ใช้ท่านนี้ เราเตอร์จะสามารถทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องภายในบ้านของเขากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั่นเอง โดยทั่วไปเราเตอร์จะมีสวิตช์อยู่ภายใน ดังนั้น มันจึงสามารถส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเครือข่ายในบ้าน และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้พร้อมกัน คำตอบที่นายเกาเหลาสรุปให้กับมือใหม่คนนี้ก็คือ เลือกซื้อเป็นเราเตอร์ไปเลย เป็นคำตอบสุดท้ายครับ

ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เอเซอร์ เปิดตัวแอลซีดีมัลติทัชสกรีน

แอลซีดี มอนิเตอร์ รุ่น ทีซีรี่ย์ ขนาด 23 นิ้ว ไวด์สกรีน 16:9 รองรับระบบปฏิบัติใหม่ล่าสุดจาก ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ 7 สั่งงานผ่านหน้าจอเพียงปลายนิ้วสัมผัส...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดตัว แอลซีดี มอนิเตอร์ รุ่น ทีซีรี่ย์ ขนาด 23 นิ้ว ไวด์สกรีน 16:9 รองรับระบบปฏิบัติใหม่ล่าสุดจาก ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ 7 ให้สั่งงานผ่านหน้าจอด้วยปลายนิ้วสัมผัส หรือแม้แต่การคีย์ข้อมูลผ่านคีย์บอร์ดหน้าจอก็ทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยเทคโนโลยีทัสกรีนมอนิเตอร์ อีกทั้ง ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องสัมผัสหน้าจอบ่อยครั้ง จึงออกแบบหน้าจอให้สามารถปรับหน้าจอขึ้น-ลง หันซ้าย-ขวา ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการใช้งานรองรับ Full HD 1080p ความคมชัดสูงสุด 80,000:1 ความเร็วตอบสนอง 2 มิลลิวินาที ลำโพงแบบ built-in ช่องเชื่อมต่อแบบ DVI และ HDMI ในราคาเพียง 13,900 บาท (ราคารวม Vat แล้ว) สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร 0 2685 4311 หรือ www.acer.co.th
ข่าวจาก ไทยรัฐ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดปัญหากับ Windows

1. ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่
หนี่งในวิธีแก้ ปัญหาที่ง่ายและมักจะได้ผลเสมอ คือการ Restart เครื่อง หรือเปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ เพราะระบบปฏิบัติการ Windows เมื่อทำงานได้สักระยะหนึ่งมันอาจจะสับสนอะไรบ้างอย่างในตัวของมันเอง ทำให้มันแสดงพฤติกรรมแปลกที่ทำให้ผู้ใช้งานเกิดปัญหาได้

2. เปิดเข้าไปดูที่ Action Center (เฉพาะ Windows 7 เท่านั้น)
ผู้พัฒนา Windows คงทราบดีว่า Windows นั้นมีปัญหามากมายที่แก้ไขเท่าไหร่ก็ไม่จบ ดังนั้นใน Windows 7 ซึ่งเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ทางผู้ัพัฒนาจึงได้คิดค้นระบบที่จะมาช่วยให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ จัดการกับปัญหาของ Windows ได้ง่ายขึ้น ระบบที่ว่านี้ก็คือ Action Center ที่มีอยู่ใน Windows 7 นั่นเอง

ในหน้าต่างของ Action Center ให้คุณลองคลิกที่ปุ่ม Troubleshooting เมื่อคลิกแล้วระบบจะทำการค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่คุณกำลังเจออยู่ให้ อัตโนมัติ และถ้าหากเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้อัตโนมัติระบบก็จะขึ้นข้อความแนะนำ เพื่อให้คุณทราบว่าควรจะทำอะไรต่อไป

3. ลองอัพเดต Windows ดู
ปัญหาที่คุณเจอ อาจจะเป็นปัญหาที่ไมโครซอฟต์บริษัทผู้ผลิต Windows ทราบอยู่แล้ว และได้สร้างตัวแก้ไขมาให้คุณไว้เรียบร้อยแล้ว หน้าที่ของคุณคือคุณจะต้องเอาตัวแก้ไขเหล่านั้นมาติดตั้งใน Windows ของคุณเพื่อตัดตอนปัญหาต่างๆที่คุณเจอ ระบบที่จะช่วยให้คุณอัพเดต Windows ได้อย่างง่ายๆ มีชื่อว่า Microsoft Windows Update ซึ่งในกระบวนการอัพเดตคุณจำเป็นจะต้องต่ออินเทอร์เน็ตเอาไว้ด้วย เพื่อให้ระบบอัพเดตสามารถดาวโหลดตัวแก้ไขต่างๆจากเว็บไซต์ของไมโครซอฟต์ได้

4. ลงไดรเวอร์ใหม่
ในวิธีที่จัดการกับปัญหาเรื่องไดร์เวอร์และฮาร์ดแวร์ได้ชะงัก คือการติดตั้งไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุด หรือถ้าไม่สามารถหาไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุดได้ ก็ได้เอาไดรเวอร์ตัวเดิมนั่นแหล่ะติดตั้งกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งนึง เพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาของคุณได้อย่างได้ผลเลยทีเดียว

วิธีการลงไดรเวอร์ตัวใหม่ คุณต้องเข้าไปที่ Device Manager ก่อน แล้วทำคลิกขวาเลือกฮาร์ดแวร์ที่คุณต้องการจะจัดการแก้ปัญหา จากนั้นก็ให้คลิกเลือก Update Driver สำหรับการติดตั้งไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุด หรือคลิกเลือก Uninstall เพื่อลบไดรเวอร์ที่ค้างอยู่ในระบบแล้วค่อยเอาไดร์เวอร์ที่คุณมีติดตั้งเข้า ไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง

5. ทำความสะอาดเครื่อง
ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นด้วย Disk Cleanupหนึ่ง ในตัวสร้างปัญหาให้กับ Windows คือการที่มีไฟล์ขยะรกเต็มเครื่องมากเิกินไป ดังนั้นการลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นทิ้งเสียบ้างจะช่วยลดและป้องกันปัญหาได้ ซึ่งใน Windows ก็มีเครื่องมือสำหรับช่วยลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกจากเครื่องได้อย่างอัตโนมัติ เครื่องมือที่ว่าก็คือ Disk Cleanup นั่นเอง

6. ใช้โปรแกรมตรวจสอบไฟล์ระบบ
หนึ่งในอาการที่สร้างปัญหาน่าปวดหัวใน Windows คืออาการไฟล์ระบบเสีย แต่โชคดีที่ Windows มีตัวสำหรับแก้ไขและซ่อมไฟล์ระบบมาให้ด้วย แต่โปรแกรมนี้จะต้องใช้งานในแบบ Command line เท่านั้น วิธีใช้ก็แค่เปิดหน้าต่าง Command โดยพิมพ์คำสั่ง cmd ลงในช่อง Run แล้วตามด้วยคำสั่ง "SFC /SCANNOW" (คำสั่งไม่ต้องมีเครื่องหมาย " นะครับ) สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista และ Windows 7 ต้องเลือกเปิดหน้าต่าง Command ด้วนสิทธิแบบ Administrator ก่อนนะครับถึงใช้คำสั่งนี้ได้

7. ลงโปรแกรมใหม่
ถ้าปัญหาใน Windows ของคุณเกี่ยวข้องกับโปรแกรมที่คุณติดตั้งเข้าไปล่ะก็ มีวิธีหนึ่งที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างชะงัก คือการลบและติดตั้งโปรแกรมใหม่ วิธีทำก็ไม่ยากครับ แค่ Uninstall โปรแกรมออกก่อน โดยคลิก Uninstall ในเมนูของโปรแกรม หรือใช้ Add/Remove Programs ใน Control Panel ก็ได้ หลังจากลบโปรแกรมทิ้งไปแล้ว ก็ให้เริ่มติดตั้งโปรแกรมใหม่อีกครั้ง เท่านั้นปัญหาของโปรแกรมของคุณน่าจะได้รับการแก้ไขและตัวโปรแกรมก็จะกลับมา ใช้งานได้ดีดังเดิม

8. เข้าเว็บ Microsoft Fix-it
สำหรับปัญหาที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ อย่างหน้าต่าง error ที่ขึ้นโค้ดประหลาดๆ (เช่น 0X80072EE4) คุณสามารถหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยเข้าไปขอความช่วยเหลือจากไมโครซอฟต์ที่เว็บ Microsoft Fix-it (http://support.microsoft.com/gp/cp_fixit_main) ในหน้าเว็บไซต์คุณสามารถเอาโค้ด error ไปค้นหาวิธีแก้ไขได้ หรือถ้าหมดหนทางจริงๆ คุณก็ยังสามารถติดต่อกับไมโครซอฟต์เพื่อคำแนะนำได้อีกด้วย

9. ค้นหาความช่วยเหลือจาก Google
เมื่อไมโครซอฟต์เริ่มพึ่งไม่ได้ เราคงต้องหันมาพึ่งตัวเองด้วยบริการค้นหาทันใจแบบทุกซอกทุกมุมจาก Google ให้คุณลองใช้คำค้นที่สั้นและเฉพาะเจาะจงกับปัญหาที่คุณเจอ ถ้าจะให้ดีควรเลือกใช้คำค้นเป็นภาษาอังกฤษจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า แต่ถ้าหากคุณเป็นนักค้นหาที่ไม่ค่อยเก่งและยังไม่เก่งภาษาอังกฤษอีกด้วย เราแนะนำให้ข้ามวิธีนี้ไปเลยครับ

10. แก้ไม่ได้ จนปัญญา ให้ลองลง Windows ใหม่ดู
วิธีสุดคลาสสิกที่แก้ไขปัญหาได้เกือบทุกอย่างคือการติดตั้ง Windows ใหม่ สำหรับวิธีนี้คุณยังมีทางให้เลือก 3 ทางคือ
ลง Windows แบบแก้ปัญหาตัวเดิม(หรือที่เรียกว่าลงแบบ Repair) ลง Windows แบบทับตัวเดิม (หรือที่เรียกว่าลงแบบ Upgrade) ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้กับแผ่นติดตั้ง Windows บางแบบบางรุ่นเท่านั้นนะครับ ถ้าใส่แผ่น Windows เข้าไปในเครื่องของคุณในขณะใช้ Windows ตัวเดิมอยู่ แล้วตัวติดตั้งมันขึ้น Option ให้เลือกแบบ Upgrade แสดงว่าใช้วิธีนี้ได้ครับ ลง Windows แบบล้างเครื่องลงใหม่ วิธีนี้ค่อนข้างจะโหดร้าย ยุ่งยาก และอาจทำให้ข้อมูลในเครื่องของคุณหายได้(ถ้าคุณไม่ได้สำรองข้อมูลเอาไว้ก่อน ) แต่ก็จัดเป็นวิธีที่ได้ผลเป็นที่สุด ใครลองวิธีไหนแล้วไม่หายให้ลองวิธีนี้ดู รับประกันผลครับว่า Windows ของคุณจะกลับมาโลดเล่นเหมือนตอนซื้อเครื่องมาใหม่แน่นอน

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Error code 0xc000026C/ 0xc0000221

เมื่อคุณรีสตาร์ตเครื่องใหม่ และพบข้อความ “ Unable to load device driver” พึงเข้าใจไว้เลยว่ามาจาก Error code ทั้งสองตัวนี้ สาเหตุนั้นมาจากไฟล์ device driver (.sys) ของอุปกรณ์ได้รับความเสียหายหรือไม่พบไฟล์เหล่านี้ วิธีแก้ไขให้บูตเครื่องจากแผ่นแล้วให้ซ่อมแซมไฟล์ (‘R’) พิมพ์ cd windows\system32\drivers ที่หน้าต่าง Recvery และให้แก้ไขชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหายโดยพิมพ์ ren drivername.sys drivername.bak (drivername คือชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับวความเสียหาย) จากนั้นก๊อบปี้ไฟล์ไดรเวอร์จากแผ่นซีดีติดตั้งตั้งลงไปโดยพิมพ์ copy cd-rom:\i386 drivername (cd-rom: คือไดรเวอร์ที่ติดตั้งซีดีรอม)

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Vista : เสกไดรฟ์ให้ล่องหน.

บังเอิญนายเกาเหลาได้ไปพบทิปที่น่าสนใจก็เลยหยิบนำมาฝาก ซึ่งไอเดียของทิปนี้ก็คือ การซ่อนไดรฟ์ที่ใช้งานอยู่ไม่ให้แสดงผลในหน้าต่าง My Computer ของ Vista เนื่องจากบางครั้งเราก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่า เรามีไดรฟ์ที่ใช้งานได้อยู่อีกไดรฟ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี การซ่อนที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลต่อการทำงานของไดรฟ์แต่อย่างใด ซึ่งนั่นหมายความว่า เรายังคงสามารถเข้าถึงไดรฟ์นี้ได้ ด้วยการพิมพ์พาธ (path) ที่ถูกต้อง ในที่นี้จะยกตัวอย่างการซ่อนไม่ให้วิสต้าแสดงไอคอนของฟลอปปี้ไดรฟ์ A:
ขั้นแรกเราต้องเตรียมระบบให้พร้อมสำหรับการซ่อนไดรฟ์ของเราก่อน โดยเปิดโปรแกรม Registry Editor (ในช่อง Run พิมพ์คำสั่ง regedit.exe) จากนั้นในกรอบด้านซ้ายมือของหน้าต่างโปรแกรมคลิ้กเข้าไปที่

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer

ถ้าชั้นในสุดไม่พบคีย์ Explorer ให้คลิ้กขวาบนรายการ Policies เลือกคำสั่ง New Key แล้วตั้งชื่อ Explorer

เสร็จแล้วในกรอบทางด้านขวามือให้คลิ้กขวาเลือกคำสั่ง New ตามด้วย 32-bit DWORD พร้อมทั้งตั้งชื่อว่า NoDrives ค่าที่สร้างขึ้นนี้จะเป็นตัวเลข 32 บิต โดยบิตต่างๆ จะถูกจัดเรียงลำดับย้อนศรการเรียงตัวอักษร A ถึง Z ดังนี้

ในกรณีนี้เราต้องการซ่อนไดรฟ์ A: ค่าที่ได้จึงเป็น 1 ในเลขฐานสิบ (Decimal) หากต้องการซ่อนไดรฟ์ D: ค่าที่ได้ก็จะเป็น 1000 ในเลขฐานสองหรือ 8 ในเลขฐานสิบนั่นเอง เราสามารถซ่อนได้มากกว่าหนึ่งไดรฟ์พร้อมกัน เช่น ถ้าต้องการซ่อนทั้งไดรฟ์ A: และ D: ค่าของ NoDrives ก็คือ 1001 หรือ 9 นั่นเอง ไม่ยากนะครับ

กลับมาที่ตัวอย่าง ซึ่งเราต้องการซ่อนไดรฟ์ A เพียงไดรฟ์เดียว ดังนั้น ค่าที่กำหนดให้กับ NoDrives จึงเป็น 1 คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดโปรแกรม

ขั้นตอนต่อมาก็คือ การรีสตาร์ตโปรแกรม explorer.exe ซึ่งสามารถทำได้ใน Task Manager หรือจะใช้วิธีล็อกออฟ แล้วล็อกอินกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยหลังจากรีสตาร์ตเสร็จแล้วคุณจะพบว่า ไอคอนไดรฟ์ A: ใน My Computer ได้ล่องหนไปเรียบร้อยแล้ว


สำหรับการแก้ไขกลับคืนก็สามารถทำได้โดยเข้าไปลบคีย์ NoDrives ออกไป แล้วรีสตาร์ต explorer.exe ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม...อ้อ ผู้รู้บอกว่า ทิปนี้เวิร์กใน XP ด้วยเหมือนกันครับ

ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์