วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
Vista : ReadyBoost ไม่เวิร์ก
โดยสรุปแล้ว ReadyBoost จะทำหน้าที่เสมือนหน่วยความจำเพิ่มเติมให้กับแรมของระบบปฏิบัติการนั่นเอง โดยใช้หน่วยความจำแฟลช (การ์ดหน่วยความจำ ธัมบ์ไดรฟ์ ฯลฯ) ซึ่งสเปกขั้นต่ำของหน่วยความจำแฟลชที่จะใช้ทำ ReadyBoost ได้จะต้องมีขนาดอย่างน้อย 256 เมกะไบต์ ในขณะที่ระบบจะต้องมีแรมที่ไม่ถูกใช้งานอย่างน้อย 235 เมกะไบต์ นอกจากนี้ ขนาดของหน่วยความจำที่ใช้ทำ ReadyBoost จะได้สูงสุด 4 กิกะไบต์
ถ้าข้อกำหนดข้างต้นนี้ผ่านแล้ว สิ่งที่ต้องตรวจสอบต่อไปก็คือ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของแฟลชไดรฟ์ที่ใช้จะต้องอยู่ที่ 2.5 เมกะไบต์ต่อวินาที (ที่ขนาดข้อมูล 4 กิโลไบต์) และความเร็วในการเขียนข้อมูลจะต้องเร็วถึง 1.75 เมกะไบต์ต่อวินาที (ที่การเขียนข้อมลขนาด 512 กิโลไบต์) แถมเวลาในการเข้าถึง (Access time) ต้องอยู่ที่ 1 มิลลิวินาที หรือต่ำกว่านี้ ดังนั้น ก่อนซื้อการ์ดหน่วยความจำ เพื่อใช้ทำ ReadyBoost ควรตรวจสอบข้อกำหนดเหล่านี้อย่างระมัดระวัง เพราะถ้าไม่ได้ตามสเปกนี้ ReadyBoost ก็จะไม่ทำงาน อีกวิธีง่ายๆ ก็คือ มองหาแฟลชไดรฟ์ที่แพ็กเกจระบุว่า Enhanced for Windows ReadyBoost ก็ได้ครับ
ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552
Notepad เสนอหน้าเปิดไฟล์ Excel
นายเกาเหลาว่า คงจะมีผู้ใช้อีกไม่น้อยทีเดียวที่เข้าใจผิดเช่นนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะโปรแกรม Excel เสียแต่อย่างใด แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างไฟล์ข้อมูลกับโปรแกรม (Association Program) ของระบบปฏิบัติการ โดยสิ่งที่เกิดขึ้นคือวินโดวส์ดันไปบอกให้เปิดไฟล์ดังกล่าวใน Notepad ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขให้เป็นปกติได้ภายในอึดใจ นี่ถ้าบ้าจี้ลง Excel ใหม่คงต้องวุ่นวายไปนานกว่าจะเสร็จธุระ
ขั้นตอนการแก้ไขก็คือ คลิ้กขวาบนไฟล์ Excel เลือกคำสั่ง Open With จากนั้นเลือก Choose Program… ในไดอะล็อกบ็อกซ์ที่แสดงรายการเลือกโปรแกรมที่ต้องการให้เปิดไฟล์นั้นๆ เลือก Microsoft Office Excel แต่ถ้าไม่เจอในรายการ ให้คลิ้กปุ่ม Browse แล้วค้นหาไฟล์ที่ชื่อ Excel.exe หลังจากเลือกโปรแกรมที่จะเปิดไฟล์ข้อมูล Excel ได้แล้ว ให้คลิ้กเลือกเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ “Always use the selected program to open this kind of file” แล้วคลิ้กปุ่ม OK เพียงแค่นี้วินโดวส์ก็จะไม่จำอะไรผิดๆ เพี้ยนๆ เที่ยวไปเปิดไฟล์ข้อมูลในโปรแกรมที่ไม่ถูกต้องอย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้องคนนี้ของผมแล้วครับ ตกม้ากันมาเยอะแล้วกับปัญหาหญ้าปากคอกอย่างนี้
ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552
Vista : ปรับแต่ง Sidebar
ปกติ Windows Sidebar สามารถเปิดการทำงานได้โดยคลิ้กปุ่ม Start, All Programs ตามด้วย Accessories ซึ่งภายในสไลด์บาร์ที่ปรากฏทางด้านขวาของเดสก์ทอปจะสามารถติดตั้งโปรแกรมยูทิลิตีขนาดเล็กที่เรียกว่า Gadget ได้มากมาย โดยเพื่อนๆ สามารถเพิ่ม Gadget เข้าไปในสไลด์บาร์ได้ด้วยการคลิ้กขวาบนพื้นที่ของสไลด์บาร์แล้วเลือกคำสั่ง Add Gadgets นอกจากนี้ยังมี Gadgets ไว้คอยบริการผู้ใช้มากมายที่ Windows Live Gallery อีกด้วย โดยคลิ้ก Get More Gadgets Online ซึ่งขณะเขียนบทความอยู่นี้ นายเกาเหลาได้เข้าไปเยี่ยมชมไซต์ดังกล่าว ปรากฏว่า มันมี Gadgets ให้ดาวน์โหลดไปใช้งานฟรีๆ ถึง 1,355 ตัวเข้าไปแล้ว โดยเพื่อนๆ สามารถใช้ Gadgets เหล่านี้ได้ด้วยการคลิ้กปุ่ม Download เพื่อติดตั้งเข้าไปในสไลด์บาร์ครับ สำหรับ Gadgets ที่นายเกาเหลาใช้อยู่ก็จะมี ข่าวเด็ดเจ็ดสี และ RSS Feed Reader ครับ อะแฮ่มลืมบอกวิธีปิด Sidebar ง่ายนิดเดียวครับ แค่กดคลิ้กขวา แล้วเลือกคำสั่ง Close Sidebar เพียงแค่นี้ เพื่อนๆ ก็จะได้พื้นที่เดสก์ทอปกลับคืนมาแว้ว...
ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
3G ประเทศไทยเริ่มใช้ 3 ธันวาคม 2009 นี้!
ในขณะเดียวกัน ทาง TOT เองนั้นก็ไม่ได้เปิดเผยโควตาจำนวนหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จัดสรรให้กับผู้ให้ บริการ MVNO ทั้งหลาย แต่ได้สงวน 20% ของจำนวนหมายเลขทั้งหมดให้กับบริการ 3G ที่บริษัทจะดำเนินการเองในอนาคต สำหรับเครือข่าย 3G ของ TOT นั้นสามารถให้บริการโทรศัพท์ 3G ได้กว่าห้าแสนหมายเลข โดยในส่วนของ Loxley นั้น ตามที่ได้เสนอแบบแผนธุรกิจมา บริษัทจะให้บริการ MVNO ภายใต้แบรนด์ Season สำหรับบริการเสียงและแบรนด์ I-Kool สำหรับบริการข้อมูล น่าสนใจเหมือนกันครับ สำหรับชาวกรุงเทพ ในอนาคตอันใกล้คงมีแบรนด์ 3G ให้เลือกกันมากมายเลยทีเดียว
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ภาพถ่ายเบลอๆ กล้องเอ๋อ หรือเจ้าของ ??
ผู้ใช้คนนี้เล่าให้ฟังว่า ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลสุดหรูของเขา กี่รูปๆ ออกมาเบลอหมด ไม่เข้าใจว่า ทำไม ? พูดไม่พูดเปล่า หยิบกล้องมาอวด แล้วเปิดให้ดูภาพที่ถ่ายและเก็บไว้ในหน่วยความจำที่อยู่ในกล้อง ซึ่งมันก็เบลอทุกภาพจริงๆ ดูที่เลนส์หน้ากล้องก็ชัดปิ้งนิ๊งเสียกระไร วิวไฟน์เดอร์ก็สะอาด บนจอแอลซีดีก็ชัดนิ้ง เรียกว่า ทุกอย่างพร้อม แล้วมันผิดพลาดที่อะไรล่ะ ผู้ใช้คนนี้ยังเล่าให้ฟังว่า เคยเล่นกล้องฟิล์มแต่ไม่เคยเจอปัญหานี้เลย ว่าแล้วก็เลยให้เขาลองถ่ายรูปนายเกาเหลาดูหน่อย ปรากฏว่า เบลออีกแล้วครับทั่น.น.น...แต่นั่นทำให้นายเกาเหลาพบสาเหตุของภาพถ่ายที่เบลอทั้งหมด
ปกติกล้องถ่ายรูปดิจิตอล เมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ มันจะมีการหน่วงเวลา (lag time) เล็กน้อยก่อนที่ภาพจะถูกบันทึกเข้าไป ซึ่งหากช่วงเวลาดังกล่าวเกิดมีการขยับกล้องขึ้นมา ปัญหาภาพเบลอ หรือภาพไหวย่อมเกิดขึ้นได้ และผู้ใช้คนนี้ คงติดนิสัยกล้องฟิล์มมา แบบว่า ลั่นชัตเตอร์ปุ๊บก็ขยับกล้องทันทีไม่ดูดำดูดีอะไรเลย นายเกาเหลาได้ยินเสียงชัตเตอร์หลังจากที่เขาขยับกล้องแล้วเสียด้วยซ้ำ อย่างนี้ภาพจะไม่เบลอได้อย่างไร นายเกาเหลาแนะนำให้เขากดปุ่ม Shutter ลงครึ่งหนึ่งก่อน เพื่อเลือกมุมภาพที่ต้องการ เมื่อพร้อมแล้ว ค่อยกดปุ่มอีกครึ่งหนึ่งให้สุด นอกจากนี้ การถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะทำให้เกิดการหน่วงมากขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นควรเลือกถ่ายภาพในที่มีแสงสว่างมากสักหน่อย และถ้าหากถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว ก็ควรเลือกโหมด Sports อีกอย่างหนึ่งคือ ต้องแน่ใจว่า ท่าทางในการจับกล้องมั่นคงดีแล้ว แต่ถ้าไม่ถนัดอาจหาขาตั้งกล้องมาช่วยก็ได้ และเพื่อความมั่นใจอาจจะใช้รีโมตชัตเตอร์ เพราะเวลาที่คุณกดชัตเตอร์ด้วยตนเองอาจทำให้กล้องสั่นได้ ถ้าเป็นคนมือหนักนะครับ หลังจากที่นายเกาเหลาลองถ่ายดูบ้าง (แบบใจเย็น) ก็ปรากฏว่า ภาพที่ออกมาชัดปิ๊งนิ้งเหลือเกิน...ตกลง...กล้อง หรือคนที่เออร์เรอร์กันแน่ครับเนี่ย...
ขอบคุณทิปจาก หนังสือคอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ปากกาดิจิตอลอัจฉริยะ Digital Pen Flash Recorder
สำหรับคุณสมบัติเด่นในการทำงานของ Digital Pen Flash Recorder นั้น สามารถนำไปขีดเขียน สเก็ตภาพและบันทึกได้ง่ายกับกระดาษทุกประเภท สะดวกพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ สามารถเก็บบันทึกข้อความที่เขียน ได้ไม่น้อยกว่า 200 หน้า พร้อมกับการเก็บไฟล์ประเกทต่าง ๆ เช่น MP3, Videos อื่น ๆ เช่นเดียวกับ Flash Drive ทั่วไปได้ โดยนำข้อมูลที่เขียนบันทึกเข้าสู่คอมพิวเตอร์ผ่านช่อ ง USB แปลงข้อมูลเขียนเป็นตัวอักษรได้ (Text) เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นต้น และส่งผ่านข้อมูลที่เขียน หรือสเกต ทางอีเมล์ได้แบตเตอรี่กินไฟน้อย, ไส้ปากกาเปลี่ยนได้เหมือนปากกาทั่วไป
ปากกาดิจิตอลอัจฉริยะ Digital Pen Flash Recorder เหมาะสำหรับ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และบุคคลทั่วไป เหมาะสำหรับการจดเล็กเชอร์ในห้องเรียน งานประชุมสัมมนาต่าง ๆ ที่ต้องการ จดขีดเขียนรายงานต่างๆ เขียนบันทึก สเก็ตภาพ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ที่ต้องการ สามารถร่างความคิด ไอเดีย ต่างๆ จากเหตุการณ์ที่พบเห็นได้ทันที และสามารถบันทึกภาพสเก็ตจากสถานที่ต่างๆ ได้ตลอดเวลา ปากกาดิจิตอลอัจฉริยะ Digital Pen Flash Recorder มีจำหน่ายแล้วในราคา 3,900 บาท ที่ไอทีซิตี้ทุกสาขา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอสวีโอเอคอล์ลเซ็นเตอร์ 02-686-9000 หรือ www.svoa.co.th
ขอบคุณข่าวจาก ไทยเกมส์มิ่ง
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
รวมปัญหาที่เกิดจาก Mouse & Keyboard
ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : สายเมาส์เสียบไม่แน่นหนาในช่องเสียบที่ถูกต้อง ซึ่งอยู่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบและเสียบสายเมาส์ให้แน่น
ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ หรือ ติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่ถูกต้อง
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ที่ถูกต้อง จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ให้คลิกที่ปุ่ม Start จากนั้น ชี้ไปที่ Settings แล้วคลิกที่ Control Panel เมื่อเห็นหน้าต่าง Control Panel ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Mouse แล้วคลิกที่แท็บ General
ปัญหาเกี่ยวกับ Keyboard
โดยปกติแล้วคีย์บอร์ดจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหา เวลาใช้งานมากนัก แต่ถ้าใช้งานไปเป็นเวลานานก็อาจจะเกิดเป็นปัญหาขึ้นได้เหมือนกัน เช่น
ปุ่มคีย์บอร์ดแข็ง กดแป้นพิมพ์ไม่ค่อยได้ บางทีกดปุ่มใช้งานคีย์บอร์ดไม่ได้เลยทั้งที่ซื้อมาใหม่ปัญหาเหล่านี้ บางคนก็แก้ด้วยวิธีการซื้อมาเปลี่ยนใหม่เพราะราคาถูก ทั้ง ๆ ที่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว ซึ่งมักเกิดกับคีย์บอร์ดมีดังนี้
-คีย์บอรด์แข็ง บางปุ่มกดไม่ลง
คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำงานด้วยมากที่สุดพอ กับใช้เม้าส์ โดยเมื่อใช้ไปนาน ๆ เข้าก็จะมีฝุ่นผงคราบสกปรกเข้าไปเกาะติดอยู่
พอสะสมมากเข้าจะเป็นเหตุให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดแข็ง กดไม่ค่อยลงเกิดปัญหาเวลาใช้งานคีย์บอร์ด เช่น พิมพ์งานเอกสารหรือโปรแกรมสเปรดชีตต่าง ๆ
สำหรับวิธีแก้ไขคือ ให้ใช้แปรงปัดฝุ่นและคราบสกปรกตามซอกปุ่มต่าง ๆ บนตัวคีย์บอร์ด แต่ถ้าปุ่มแข็งมากให้ใช้วิธีถอดปุ่มมาทำความสะอาด ดังนี้
1. ให้ใช้แปรงขนอ่อนขนาด 1 นิ้ว มาปัดฝุ่นตามซอกปุ่ม จนเห็นว่าสะอาดดีแล้ว ให้ลองกดปุ่มดุด้วยว่ากดได้งายขึ้นหรือไม่
2. หากยังไม่หาย มีปุ่มกดบางปุ่มยังแข็งอยู่กดปุ่มไม่ค่อยได้ ก็ให้ใช้ไขควงปากแบนค่อย ๆ งัดปุ่มออกมาทีละปุ่ม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้นและใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่ตามซอกต่าง ๆ จนหมด หลังจากนั้นให้ใส่ปุ่มกลับเข้าที่เดิม ( แกะและทำความสะอาดทีละปุ่มจะได้ไม่งงเวลาที่ใส่กลับที่เดิม )
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "
เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำงาน บางครั้งจะพบกับข้อความหน้าจอไบออสแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "หมายถึง ตรวจไม่พบคีย์บอร์ดที่ติดตั้งอยู่ สาเหตุอาจเป็นเพราะคีย์บอร์ดและเม้าส์ มีลักษณะเป็นขั้วต่อแบบ PS/2 เหมือนกัน ดังนั้นจึงอาจเสียบผิดก็ได้
การแก้ไขให้ตรวจสอบการเสียบบอร์ดที่ท้ายเคสว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งขั้วต่อคีย์บอร์ดจะมีสีม่วง ส่วนขั้วต่อของเม้าส์จะมีสีเขียว ให้ถอดออกมาเสียบให้ถูกต้องหากยังมีข้อความดังกล่าวปรากฏอยู่อีกแสดงว่าคีย์บอร์ด ์เสีย ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ในราคาตัวละ 150-300 บาท
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD CONTROLLER FAILURE "
อาการดังกล่าวอาจมีสาเหตุมาจากคีย์บอร์ดเสีย ให้ลองหาคีย์บอร์ดอื่นมาลองติดตั้งใช้งานแทน หากพบว่าคีย์บอร์ดเสียจริงให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งมักเกิดจากชิปคอนโทรลคีย์บอร์ดที่อยู่บนเมนบอร์ดเสีย หรือลายวงจรควบคุมคีย์บอร์ดแตกหรือหลุดเนื่องจากการถอดเข้า-ออกขั้วต่อคีย์บอร์ดบ่อยเกินไปเมื่อคีย์บอร์ดใช้งานไม่ได้ ผู้ใช้หลายคนจำเป็นต้องให้ช่างหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากการซ่อมเมนบอร์ดค่อนข้างยากจะร้านรับซ่อมไม่ค่อยได้ แต่ถ้าเป็นร้านที่มีความชำนาญในการรับซ่อมเมนบอร์ดโด ยเฉพาะก็อาจจะซ่อมได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Mouse
-เลื่อนเมาส์ไม่ค่อยได้
ปัญหายอดฮิตของการใช้เมาส์ แต่เนื่องจากเมาส์มีราคาถูกเพียงตัวละ 80-200 บาทเท่านั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่ใส่ใจต่อปัญหานี้และคิดในใจว่าเป็นเพราะเมาส์ราคาถูกจึงเสียง่าย ความจริงแล้วเมาส์ไม่ได้เสียง่ายขนาดนั้นแต่เป็นเพราะเมาส์มีส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวมาก โดยการเลื่อนลูกบอลยางไปกับพื้นหรือแผ่นรองเมาส์ จึงมักดูดเอาฝุ่นผงสกปรกต่าง ๆ เข้ากับติดอยู่กับแกนหมุน ทำให้แกนหมุนไม่ทำงานจึงไม่สามารถที่จะตรวจจับตำแหน่งที่เมาส์เคลื่อนที่ไปได้
สำหรับวิธีการแก้ไขก็คือ ให้ถอดเมาส์ออกมาทำความสะอาดเอาฝุ่นผงออกไปจากลูกบอล ยางและแกนหมุนเท่านั้นเมาส์ก็จะใช้ได้ต่อไป
โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาครอบลูกบอลออก โดยหมุนบิดไปตามทิศทางของลูกศรที่แสดงบนฝาครอบ ใช้นำยาสเปรย์ฉีดทำความสะอาดลูกบอลและเช็ดให้แห้ง
2. ใช้นำยาสเปรย์ฉีดล้อหมุนแกนหมุนแนวตั้งและแกนหมุนแนว นอน และใช้ไม้สำลีเช็ดจนไม่มีฝุ่นผงติดอยู่ที่แกนหมุนทั้งสาม
3. เมื่อเห็นว่าแกนหมุนทั้งหมดสะอาดดีแล้ว ให้ใส่ลูกบอลพร้อมปิดฝาครอบกลับเข้าที่เดิม ซึ่งเมาส์ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
- คลิกเมาส์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ภายในเมาส์จะมีสวิทช์ชนิดหนึ่งมีขนาดเล็กซึ่งเรียกว่า ไมโครสวิทช์สำหรับรับคำสั่งจากการคลิกเมาส์ เมื่อใช้เมาส์ไปนาน ๆ ก็จะมีเศษฝุ่นเข้าไปเกาะติดหน้าสัมผัสของวงจรภายในไมโครสวิทช์ ทำให้เกิดอาการคลิกเมาส์ไม่ค่อยได้จึงมีวิธีการแก้ไข ดังนี้คือ
1. หงายท้องเมาส์ พร้อมกับใช้ไขควงคลายน็อตที่ยึดเมาส์ออกให้หมด
2. เปิดฝาครอบตัวเมาส์ออกมาแล้วจึงใช้นำยาสเปรย์ฉีดพ่นทำความสะอาดไมโครสวิทช์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้นำยาสเปรย์ ได้แทรกเข้าไปละลายสิ่งสกปรกบนหน้าสัมผัสภายในสวิทช์ จนกว่าจะกดสวิทช์ได้อย่างสะดวก ซึ่งคงทำให้อาการดังกล่าวหายได้
ขอบคุณทิปจาก teabmongkon49
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เริ่มต้นรู้จักกับ แอนดรอยด์ กันเถอะ ก่อนจะตกเทรน
แอนดรอยด์ไม่ใช่ระบบปฎิบัติการบนมือถือที่ดีที่สุด หรือฉลาดที่สุด แต่อาจจะเป็นระบบปฎิบัติการที่อาจจะทำให้หลายคนชอบใช้มากเป็นที่สุดก็ได้ ซึ่งมีเหตุผลดีๆหลายอย่างที่ผมเองได้พบเจอเมื่อได้คลุกคลีกับมัน
1.มีโปรแกรมเจ๋งๆ ให้ Download มากกว่า 10,000 โปรแกรม และเกมมันๆอีกมากกว่า 2,500 เกม ใน Google Market place ซึ่งมีโปรแกรมมาใหม่ให้เลือกใช้ได้ทุกวัน
2.สามารถใช้งานโปรแกรม และลงโปรแกรมได้จากตัวเครื่อง โดยที่ไม่ต้องพึ่งพา Computer หรือ Notebook อีกต่อไป
3.สามารถปรับเปลี่ยน Widget บนหน้าจอได้ตามสไตล์ และรูปแบบการใช้งานของตัวเราเอง พร้อมบันทึกรูปแบบที่ปรับแต่งแล้ว ไว้ใช้ในโอกาสต่างๆกันได้อีกด้วย ไม่ต้องกังวลกับเพื่อนที่จะมาปรับเปลี่ยนหน้าจอของเราอีกแล้ว
4.รองรับ Gmail, Google Talk , Google Map อย่างเต็มรูปแบบ และข้อมูลของเราจะถูกเก็บไว้ที่ GMail โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลที่สำคัญของเราจะหายไป
5.ใช้งาน Facebook, Twitter ได้อย่างง่ายดาย และสามารถอัพโหลดรูปภาพโชว์เพื่อนๆได้ทันที
6.ตอบโจทย์การใช้งาน Website ได้อย่างเต็มรูปแบบด้วย Java และ Flash player
7.สามารถ “ค้นหา” และ “เข้าถึง” ฐานข้อมูลของ Google ได้ตลอดเวลา และง่ายยิ่งขึ้นด้วย ปุ่ม Search บนเครื่อง และ Google search widget
8.ได้รับการพัฒนาโดย Google ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ IT และ Internet ทำให้มั่นใจได้ว่า Android จะได้รับการดูแลอย่างดี และมีการพัฒนาให้เป็นระบบปฏิบัติการที่มีสเถียรภาพในการทำงาน และตอบสนองผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็วที่สุด
9.Android เป็น Open source ทำให้มีทางเลือกมาก และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากโปรแกรมที่มีการพัฒนาตลอดเวลา
10.ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เพียงได้ทดลองสัมผัส ก็สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว
11. การทำงานของเครื่องจัดว่าค่อนข้างเสถียร และเร็ว หากเกิดข้อผิดพลาดไม่จำเป็นต้อง Reset ใหม่ทั้งเครื่อง สามารถเลือกปิดโปรแกรมในแต่ละตัวได้
12.เป็นระบบปฎิบัติการที่ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่ายสุดๆ เหมือนกับการใช้งานโทรศัพท์ธรรมดาทั่วๆไป
สำหรับข้อเสียของ แอนดรอยด์เองก็๋มีเช่นกันครับ ไม่ใช่มีแต่ด้านดีเพียงอย่างเดียว
1.การ Sync ข้อมูลสามารถทำได้เฉพาะ Contact กับ Calendar เท่านั้น
2.หากไม่ใช่เครื่องยี่ห้อ HTC อาจจะไม่มีโปรแกรมตัวกลางช่วยในการ Sync เพราะหากเป็น HTC จะใช้ HTC Sync แต่หากเป็นยี่ห้อดังๆอื่นๆก็คงน่าจะมีของเค้าเอง แต่หากเป็นเครื่องมาจากจีนพวกโนเนม สงสัยจะลำบาก
3.การทำงานของเครื่องจะต้องเชื่อมต่อ GPRS ไว้ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตมากที่จะต้องกังวลเพราะมันมีโปรแกรมปิดการทำงานได้แล้วครับ เหมือนเปิดปิด WiFi
4.การใช้งานพวกไฟล์เอกสาร MS Office นั้น สามารถเปิดดูได้ทั้ง Word และ Excel แต่ยังไม่สามารถแก้ไขอะไรในเอกสารได้ ( หมายถึงโปรแกรมที่แถมมาพร้อมกับเครื่อง ไม่นับพวกโปรแกรมเสริม ซึ่งต่างกับ Windows Mobile ที่โปรแกรมมาตราฐานสามารถทำงานได้ดีกว่า)
5.การแก้ไขระบบ หรือการอัพเดทตัวระบบโดยส่วนใหญ่จะมีการควบคุมจากทาง Google
6.เครื่องที่ใช้ระบบปฎิบัติการ แอนดรอยด์ แต่ละยี่ห้อ จะมี service ของ Google ที่แถมมาให้แตกต่างกันไป บางเครื่องอาจจะไม่มี Google map / Gmail หรือ Market
7.การทำงานของแอนดรอยด์เน้นการใช้นิ้วเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเมนูต่างๆออกแบบมาสำหรับการใช้นิ้ว รวมถึงหน้าจอเครื่องส่วนใหญ่เป็นแบบ Capacitive Touchscreen ใช้ Stylus จิ้มไม่ได้ นอกจากเครื่อง HTC Tattoo เพียงรุ่นเดียวที่ทำได้
8.โปรแกรมการใช้งาน GPS แบบ Turn by turn ยังไม่มีเป็นเรื่องเป็นราว ( หมายถึงที่แถมมาพร้อมกับเครื่อง )
การติดตั้งโปรแกรมของ แอนดรอยด์
รูปแบบการติดตั้งโปรแกรม
1.ติดตั้งจากบริการ Market บนเครื่องเอง สำหรับตัว Market จะเป็นบริการคล้ายๆ App Store ของเครื่อง iPhone คือจะต้องเข้าผ่านจากเครื่องโดยตรงอาศัย GPRS หรือ WiFi ในการเชื่อมต่อเพื่อเข้าไปเลือกดูรายชื่อ โปรแกรมต่างๆบน Market แล้วจัดการ Install ลงในเครื่องทันที แต่ว่าบริการตัว Market นั้นจะไม่มีในเครื่องทุกเครื่องที่เป็น แอนดรอยด์นะครับ จะมีเฉพาะบางยี่ห้อที่เซ็นข้อตกลงกับทาง Google
2.แบบ Online คือเข้าไปที่เว็บที่ให้บริการ แล้ว Download แบบตรงๆติดตั้งลงในเครื่องทันที คล้ายๆกับการติดตั้ง cab ไฟล์บน Windows Mobile หรือติดตั้งใน Cydia ของ iPhone
3.ติดตั้งแบบ Manual คือ กรณีที่เราได้ไฟล์ นามสกุล .apk มาจากเพื่อน หรือคนอื่น copy ใส่ card มาให้ เรา การที่จะนำไฟล์เหล่านั้นมาติดตั้งได้ ต้องผ่านโปรแกรมหนึ่งตัวชื่อว่า app installer เพื่อช่วยในการติดตั้ง
โปรแกรมของ android ปกติ เป็นโปรแกรมประเภท stand alone คือไม่มีการแตกไฟล์หลังการติดตั้งแบบ Windows เพราะฉะนั้นการ remove หรือ uninstall ออกก็ลบทิ้งได้ง่ายมาก ไม่ทิ้งขยะให้มั่วเหมือนใน Windows Mobile แต่อย่างที่บอกไปว่า สมมุติว่าเพื่อนเรา เอา memory card ที่มีโปรแกรมของ แอนดรอยด์ มาให้เรา เราจะเอา card มาใส่แล้วทำงานเลยทันทีไม่ได้ ต้องผ่านโปรแกรมที่ชื่อว่า app installer ก่อน ช่วยในการติดตั้งครับ
การใช้งาน Multimedia
ในเครื่องโดยปกติแล้วจะมีโปรแกรมเล่นไฟล์ VDO ไฟล์ภาพ และไฟล์ เพลงให้มาเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีโปรแกรมพวก File manager ให้มา ต้องไปหาลงเองต่างหาก สำหรับการจะเล่นไฟล์พวกมัลติมิเดียต่างๆนั้น จะต้องมี memory card ในเครื่อง และการโอนไฟล์สามารถทำได้ง่ายๆ คล้ายๆกับการเสียบ Flash Drive เข้า PC เพื่อโดยไฟล์ลงใน Card ในเครื่อง แอนดรอยด์ก็เช่นกันเมื่อเสียบสาย USB เข้ากับ PC ให้เลือกเป็น Mass Storage แล้วเราจะเห็น Drive ใหม่บนเครื่อง PC หลังจากนั้นก็โยนไฟล์พวกมัลิมิเดียลงไปใน Card ได้ทันที
สำหรับไฟล์ที่รองรับ
Audio formats supported: AAC, AAC+, AMR-NB, MP3, WMA, WAV, AAC-LC, MIDI, OGG. Video formats supported: MP4, 3GP
การเชื่อมต่อและเล่น Net
เครื่องในรูปแบบ แอนดรอยด์แทบทุกตัวจะมีโปรแกรม Browser ให้มาอยุ่แล้วครับ แต่ใน market เองจะมีโปรแกรม Browser อื่นๆที่มีประสิทธิภาพมากกว่าที่ให้มาในตัวเครื่องซึ่งส่วนใหญ่สามารถโหลดใช้งานได้ฟรี โปรแกรม Browser เครื่องเองสามารถ Run ทำงานหน้าต่างเพื่อดูเว็บต่างๆได้พร้อมกัน 8 หน้าจอ สามารถเลือกสลับขึ้นมาโชว์ได้ แบบเวลาเล่นไพ่ เลือกสลับไปมาได้ครับ โดยการเชื่อมต่อจะต้องอาศัย GPRS หรือ WiFi ในการเชื่อมต่อ ซึ่งโดนปกติแล้วเราจะสามารถ ออนไลน์ได้ตลอดเวลาทันทีเพราะเครื่องมันเป็นแบบระบบ Always on สำหรับการเชื่อมต่อ GPRS ค้างเอาไว้
การรับส่ง Email ก็เช่นกัน โดยปกติจะให้ใช้ service ของ Gmail เป็นหลัก โดยในครั้งแรกจะต้องมีการ set up เล็กน้อย หากใช้บริการของทาง Gmail แต่หากเป็นการใช้งาน POP3 ทั่วไปก็สามารถ setup เหมือนปกติในเครื่องอื่นๆ พิเศษหน่อยตรงที่ใครใช้ Gmail มันจะมี icon บนหน้าจอแยกออกมาเลยครับ ในการ sync ครั้งแรกมันจะดึงข้อมูลจาก account บน Gmail เรามาให้เอง ทั้ง Contact และ Calendar ต่างๆ ซึ่งโดยความเห็นผมเอง บอกได้เลยว่า งง มาก มั่วมากตรงจุดนี้เราสามารถเลือกตั้งค่าใหม่เองได้ครับ สิ่งที่ผมชอบก็คือการใช้งาน Gmail บนเครื่อง แอนดรอยด์เป็นการใช้งานแบบ Real time ตลอดเวลา คือเวลามี Mail ใหม่เข้ามาปุ๊บ มันจะทำการแจ้งเตือนทันที คล้ายๆ Push Mail แต่ไม่ถึงกับเร็วเท่า และเราสามารถเลือกบริหารจัดการ Email บนเครื่อง แอนดรอยด์ได้เหมือนใช้งานบน PC หากลบ mail ทิ้งไป ข้อมูล Email นั้นๆใน Account ของเราก็ถูกลบไปทันที
การใช้งานเป็น Wireless Modem ในเครื่องรุ่นใหม่อย่าง Hero หรือ Tattoo จะมีการใช้งานในส่วนนี้รองรับมาให้เรียบร้อยแล้วครับ
การใช้งาน GPS
น่าเสียดายครับ ที่ แอนดรอยด์ในตอนนี้ตัว hardware มี GPS รองรับใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานกับโปรแกรมที่รองรับเป็นหลัก เช่นพวก Digital Compass หรือ โปรแกรมสนุกๆต่างๆอย่าง Air Paint แต่ทว่าโปรแกรมการนำทางแบบ Turn by turn บนเครื่อง แอนดรอยด์แบบจริงๆจังๆสำหรับเมืองไทยยังไม่มีครับ ( หมายถึงที่แถมมาพร้อมกับเครื่อง ) ในอนาคตในแอนดรอย์เวอร์ชั่น 2.0 จะมี Google map ตัวใหม่ออกมารองรับการทำงานแบบ Turn by turn ด้วยแต่ว่าในตอนนี้ทาง Google เองยังไม่มีนโยบายรองรับประเทศไทยสำหรับ service ตัวใหม่นี้
ทิศทางของแอนดรอยด์ในตลาด
แม้ว่า แอนดรอยด์จะเป็นระบบแบบ open source ก็ตามแต่ก็ใช้ว่ามันจะเป็นเครื่องราคาถูกแบบเครื่องโนเนม มันมีข้อตกลงและข้อจำกัดซ่อนเร้นอีกเยอะครับทำให้เครื่องทุกวันนี้มันราคาไม่ได้ถูกไปเหมือนอย่างที่เราคิดในตอนแรก เพราะในแง่คนขายเอง เค้าเองจะต้องต่อสู่กับข้อตกลงและข้อบังคับสารพัดจากทาง Google ซึ่งมีข้อบังคับที่น่าแปลกใจหลายๆส่วน เช่นง่ายๆการ อัพเกรดต่างๆแม้แต่การจะบรรจุอะไรลงไปใน ROM จะต้องมีการขออนุญาตกับทาง Google ซึ่งระบบจะมีการติดต่อกับทาง Google ตลอดแม้แต่การอัพ เฟริมแวร์ หากจะอัพก่อนวันที่เค้ากำหนดเครื่องก็จะไม่สามารถอัพผ่านไปได้
จุดขายของเครื่องแอนดรอยด์ในตลาดเวลานี้ นอกจากเรื่องของ Spec Hardware แล้ว เรื่องที่ใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดก็คือเรื่องของ UI เพราะเครื่องแต่ละยี่ห้อจะมี UI ที่พํฒนากันเอง ใครจะเจ๋งกว่ากันก็วัดกันตรงนี้แหละครับ และเรื่องของโปรแกรมพวก PC Conduit เป็นโปรแกรมที่ใช้เป็นตัวกลางในการ Sync กับ PC ซึ่งโดยปกติแล้ว เครื่องในระบบอื่นๆ เช่น Windows mobile จะมี Active sync หรือ iTune ของ iPhone ซึ่งจะมีมาให้จากโรงงาน แต่สำหรับแอนดรอยด์ไม่มีครับ ทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องต้องพัฒนากันเอง เช่น HTC จะมี HTC Sync
แอนดรอยด์ตอนนี้เนื้อหอมสุดๆ เพราะสังเกตจากข่าวรายวันในต่างประเทศจะมีแต่ข่าวเครื่องแอนดรอยด์เสียเป็นส่วนใหญ่ ผมเองไม่ขอบอกว่ามันเป็นระบบปฎิบัติการที่ดีที่สุดในเวลานี้ก็แล้วกัน แต่มันเป็นระบบที่หากหลายๆคนได้มีโอกาสสัมผัสอาจจะชอบมันก็ได้ ตัวผมเองแรกๆเมื่อสัมผัสในเวอร์ชั่นแรกๆรู้สึกเบื่อกับข้อจำกัดของมัน ที่ไม่สามารถปรับแต่งได้มาก แต่พอได้ลองเครื่องที่มี UI ที่ดีขึ้นทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก เพราะ Default UI ของระบบ แอนดรอยด์เอง แม้ว่าจะใช้ง่าย เข้าใจง่าย แต่ใช้แล้วไม่ถูกใจ ไม่มันส์เอาเสียเลย
ขอบคุณข่าวจาก www.th.msn.com
วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
แอลซีดี ทีวี รุ่นใหม่ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า บางครั้งจอแอลซีดีก็จะมีปัญหาเรื่องของการแสดงภาพยนตร์ หรือวิดีโอที่มีแอ็กชันเร็วๆ หรือกีฬาที่ใช้ความเร็ว เนื่องจากการแสดงภาพที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะทำให้เกิดอาการของภาพเปื้อนเลือนเละ ซึ่งดูเหมือนว่า อัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้นจะช่วยขจัดปัญหานี้ไปได้
สำหรับอัตราการรีเฟรช (Refresh rate) อาจจะอธิบายอย่างหยาบๆ ได้ว่า เป็นตัวเลขที่บอกถึงจำนวนครั้งต่อวินาที (Hertz) ในการยิงภาพขึ้นบนหน้าจอ ซึ่งปัจจุบันจะอยู่ที่ 60 Hertz แต่อัตราการรีเฟรชของจอแอลซีดีรุ่นใหม่จะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 100 ถึง 120 Hertz แน่นอนว่า ภาพแอ็กชันเร็วๆ จะได้รับการตอบสนองที่ดีขึ้น อาการภาพเลอะเวลาที่แสดงภาพที่เร็วๆ น่าจะเบาบางไป หรือสังเกตไม่ทัน
ส่วนเทคโนโลยี LED (Light Emitting Diode) ที่เพิ่มเข้ามานั้นจะช่วยเพิ่มอัตราคอนทราสต์ (Contrast ratio: ความแตกต่างระหว่างความสว่างและความมืด) ตัวอย่างเช่น จอ LED LCD อาจจะมีอัตราคอนทราสต์อยู่ที่ 100,000:1 ในขณะที่จอแอลซีดีทั่วไปอาจจะมีอัตราคอนทราสต์อยู่ที่ 15,000:1 ซึ่งผลลัพธ์ที่แตกต่างกันก็คือ คุณจะได้เห็นภาพของสีดำที่ดำกว่าปกติ และสีขาวที่ขาวมากขึ้นนั่นเอง... แต่ก็แน่นอนว่า จอพวกนี้จะมีราคาสูงกว่า จอแอลซีดีที่วางตลาดอยู่ในปัจจุบันครับ
ทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สำหรับซอฟต์แวร์ แอนตี้ไวรัส (anti-virus) ที่เข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการ Windows 7 อีกทั้งยังมีความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามต่างๆ ที่อยู่บนเน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องขอบอกว่า มีให้เลือกใช้อยู่หลายตัวเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้ จะขอแนะนำเฉพาะซอฟต์แอนตี้ไวรัสที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ที่สำคัญ พวกมันสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งใช้งานได้ฟรีอย่างมั่นใจอีกด้วย ส่วนจะมีตัวไหนบ้างนั้น เราไปติดตามกันได้เลยครับ
หากไม่แนะนำแอนตี้ไวรัสตัวนี้กับคุณผู้อ่านก็คงเป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน เพราะมันเป็นของไมโครซอฟท์ (Microsoft) เอง ซึ่งล่าสุดได้ออกแอนตี้ไวรัสแจกฟรีให้กับผู้ใช้ พร้อมด้วยระบบการอัพเดตอัตโนมัติ เพื่อทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณปลอดภัยตลอดเวลา จุดเด่นของมันก็คือ โปรแกรมมีขนาดเล็ก เบา และสามารถป้องกันมัลแวร์ (ไวรัส สปายแวร์ต่างๆ) ที่จะบุกเข้ามาทำร้ายพีซีของคุณได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ มันยังทำงานอยู่ด้านหลัง (background process) อย่างเงียบๆ แต่มีประสิทธิภาพ โดยไม่มีการขัดจังหวะผู้ใช้ หรือต้องเข้าไปวุ่นวายอะไรกับมันมากมายเลย สำหรับเวอร์ชันล่าสุด ออกเมื่อเดือนกันยายน โดยคุณผู้อ่านที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Microsoft Security Essentials ได้ที่นี่
Avira AntiVir Personal แอนตี้ไวรัส "ร่มแดง" ที่หลายคนคุ้นเคย เป็นซอฟต์แวร์แจกฟรีอีกหนึ่งตัวที่ได้รับความชื่นชมจากผู้ใช้ และเว็บไซต์ต่างๆ ที่รีวิวถึงความสามารถของมัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วในการสแกน และประสิทธิภาพในการจับไวรัส และสปายแวร์ โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรระบบ"น้อย"รวมถึงการปกป้องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี AntiVir Guard โดยระบบจะมีการอัพเดตฐานข้อมูลให้กับแอนตี้ไวรัสและแอนตี้สปายแวร์ระหว่างการติดตั้งด้วย ซึ่งทำให้ระบบมีความพร้อมต่อกรจากภัยคุกคามทันทีที่ติดตั้งเสร็จ สำหรับ Avira AntiVir Personal verison 9 นอกจากจะสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีแล้ว มันยังเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่อย่าง Windows 7 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Avira AntiVir Personal version 9 ได้ที่นี่
AVG Anti-Virus Free Edition 9.0
AVG Anti-Virus Free Edition เป็นซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแจกฟรี!!! ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเหมือนกัน โดยเวอร์ชันล่าสุด ไม่เพียงแต่จะทำงานกับ Windows 7 ได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับความสามารถในการป้องกันแอนตี้สปายแวร์อีกด้วย AVG ได้ชื่อว่าเป็นแอนตี้ไวรัสที่มีอินเตอร์เฟซการใช้งานที่ง่ายมาก ในขณะทีมีตัวเลือกสำหรับการป้องกันที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้ นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับองค์ประกอบการทำงาน และออปชันต่างๆ ที่มักพบในซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสเวอร์ชันโปรเฟชชั่นนัล หรือเวอร์ชันจ่ายตังค์ตัวอื่นๆ อีกด้วย คุณผู้อ่านสามารถดาวน์โหลด AVG Anti-Virus verision 9 ได้ที่นี่
ขอบคุณข่าวจาก www.arip.co.th
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Firefox : ติดตั้งไม่ได้...เพราะไฟล์เสีย
ก่อนอื่นนายเกาเหลาคงต้องบอกว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาข้างต้นนี้มีโอกาสได้มากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นผลมาจากการที่มีไฟล์ชั่วคราวในโฟลเดอร์ Temporary Internet Files มากเกินไป ซึ่งไม่ต้องแปลกใจสำหรับมือใหม่ที่มักจะบ่นว่า IE ทำงานช้ามาก ดังนั้น ขั้นแรกของการแก้ปัญหาลักษณะนี้ก็คือ อยากให้ลองลบไฟล์ชั่วคราวเหล่านี้ออกไปก่อน โดยใน IE คลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options คลิ้กปุ่ม Delete ในเซกชัน Browsing history จากนั้นคลิ้กปุ่ม Delete files ที่อยู่ในเซกชัน Internet Temporary Files ที่อยู่บนสุด หลังจากลบไฟล์ชั่วคราวออกหมดแล้ว คลิ้กปุ่ม Close ตามด้วยปุ่ม OK เป็นอันเรียบร้อย
นอกจากนี้ อยากให้ตรวจสอบระบบด้วยว่า มีไฟร์วอลล์แค่ตัวเดียวที่กำลังทำงานอยู่ในระบบขณะนั้น ซึ่งหากมี 2 ตัว โดยตัวหนึ่งเป็น Windows Firewall ให้ปิดการทำงานของไฟร์วอลล์ตัวนี้ลงไปก่อน เพราะมันค่อนข้างจะมีปัญหากับชาวบ้านพอสมควร
หากแก้ปัญหาด้วยสองวิธีข้างต้นแล้ว ยังไม่สามารถติดตั้ง Firefox ได้อีก นายเกาเหลาว่า ปัญหาอาจจะอยู่ที่การ์ดเน็ตเวิร์กที่ใช้ ซึ่งโอกาสน้อยมาก ทางแก้คือ ตรวจสอบที่เว็บไซต์ของผู้ผลิต ในกรณีที่ใช้ระบบเครือข่ายไร้สาย ขณะติดตั้ง Firefox ลองเปลี่ยนมาใช้การเชื่อมต่อกับโมเด็ม ADSL โดยตรงดูนะครับ และทั้งหมดคือแนวทางที่นายเกาเหลาเชื่อว่า น่าจะช่วยให้หมดปัญหาการติดตั้ง Firefox ไม่ได้แล้วนะครับ
ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Download : Windows Media Encoder ลดขนาดไฟล์วิดีโอ
ทางแก้ของปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ แปลงฟอร์แมตไฟล์วิดีโอเหล่านี้ซะ หรือไม่ก็แบ็กอัพลงแผ่นดีวีดี แต่หลายคนแม้จะแบ็กอัพแล้วก็ยังรู้สึกอยากจะเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ด้วย นายเกาเหลามีคำตอบมาแนะนำกันครับ
หากเพื่อนๆ ต้องการเก็บไฟล์วิดีโอที่มีอยู่มากมายไว้บนฮาร์ดดิสก์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการประหยัดพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไปด้วย นายเกาเหลาแนะนำให้ดาวน์โหลดโปรแกรมแจกฟรีที่ชื่อว่า Windows Media Encoder เพื่อแปลงฟอร์แมตให้วิดีโอมีขนาดไฟล์ที่เล็กลง ซึ่งหลังจากติดตั้งเข้าไปแล้ว ให้คลิ้ก New Session บนทูลบาร์ จากนั้นคลิ้ก Convert a file โปรแกรมจะมีตัววิเศษ (Wizard) ให้คลิ้กตามขั้นตอน โดยที่ดีฟอลต์โปรแกรมเราจะเห็นเฉพาะฟอร์แมตที่แน่นอนเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องเห็นวิดีโอทุกฟอร์แมต ให้คลิ้กเลือก All files ในช่อง Files of type
การแปลงฟอร์แมตไฟล์วิดีโอถือว่าเป็นงานที่หนักมากสำหรับโพรเซสเซอร์ ดังนั้น คงต้องให้เวลาในการทำงานกับโปรแกรมมากสักหน่อย ซึ่งในขั้นตอนการกำหนดค่าการทำงานให้กับโปรแกรม พึงระลึกว่า ยิ่งต้องการให้คุณภาพของวิดีโอที่ได้สูงมากเท่าไร ขนาดของไฟล์หลังจาก encode ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น เพื่อนๆ อาจจะต้องเลือกคุณภาพที่ต่ำลงมาในระดับที่รับได้ เพื่อแลกกับพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ที่จะได้คืนกลับมานั่นเอง แต่ถ้าทำใจกับการแลกพื้นที่กลับมาด้วยคุณภาพไฟล์วิดีโอที่ลดลงไม่ได้ แนะนำให้ซื้อฮาร์ดดิสก์แบบภายนอกไว้ใช้เก็บไฟล์วิดีโอโดยเฉพาะเลยจะดีกว่า เนื่องจากปัจจุบันมันมีราคาถูกลงมา ในขณะที่มีความจุสูงสูงขึ้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณแล้วละครับ
สนใจดาวน์โหลด Windows Media Encoder ได้ที่ http://www.microsoft.com/windows/windowsmedia/forpros/encoder/default.mspx
ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552
นูรี อัล เคลดี จากเน็ตบุ๊คฟีเวอร์ สู่เน็ตท็อปเชื่อมโลก
"เน็ตบุ๊คและเน็ตท็อป ประสบความสำเร็จมากๆ และมียอดขายดีในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว เพราะคนนิยมซื้อใช้เป็นเครื่องที่ 2 ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาซื้อเน็ตบุ๊ค และเน็ตท็อป เพื่อใช้เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ซึ่งมันกลายเป็นความท้าทายของผมที่ต้องหาวิธีเพื่อให้แน่ใจได้ว่า ผู้ใช้เข้าใจตัวเองดีแล้วหรือยังว่าเขาต้องการซื้ออะไร เพราะหลายคนซื้อเน็ตบุ๊คกลับไป เพราะเข้าใจว่ามันคือโน้ตบุ๊คราคาถูก แต่พอกลับถึงบ้านเปิดเครื่องแล้วพบว่า มันไม่ได้มีฟังก์ชันอย่างที่ต้องการ"
"นูรี อัล เคลดี" มือวางกลยุทธ์ และการทำตลาดในกลุ่มคอมพิวเตอร์ราคาประหยัดของอินเทล ในฐานะผู้จัดการทั่วไปสำหรับผลิตภัณฑ์เน็ตบุ๊คและเน็ตท็อป กลุ่มโมบายล์ แพลตฟอร์ม บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น จากสหรัฐ เปิดใจกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ในโอกาสเดินสายเวิร์คชอปในประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์รุ่นเล็กทั้ง "เน็ตบุ๊ค" และ "เน็ตท็อป"
ชี้ไทยซื้อเน็ตบุ๊คเป็นพีซีเครื่องแรก
เขายอมรับว่า ที่ผ่านมาตลาดยังสับสนกับเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์เซ็กเมนท์ใหม่ ทั้ง "เน็ตบุ๊ค" หรือคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้แพลตฟอร์มอินเทล อะตอม เพื่อใช้งานฟังก์ชันทั่วไปที่ไม่ต้องการคุณสมบัติเครื่องสูงมากนัก
เช่นเดียวกับ "เน็ตท็อป" ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะบนอินเทล อะตอม แพลตฟอร์ม ที่ลดทอนคุณสมบัติสูงๆ บางอย่าง เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
"เคลดี" บอกว่า ตลอด 25 ปีที่ได้ร่วมงานกับอินเทลในหลากหลายหน้าที่ ทั้งวิศวกร ดูแลตลาดดีไอวาย เซิร์ฟเวอร์ หรือแม้แต่ดูแลคุณภาพของสินค้า ทว่าบทบาทในฐานะผู้ดูแลทั้งตลาดเน็ตท็อป และเน็ตบุ๊ค ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่มากๆ สำหรับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ และมีความท้าทายมาก ทำให้เขาพบว่างานในหน้าที่ใหม่ก็"ท้าทาย"ไม่แพ้กัน เนื่องจากอยู่ในฐานะที่มีบทบาทสำคัญ และเป็นผู้ตัดสินใจวางงบประมาณสำหรับโครงการคอมพิวเตอร์ราคาประหยัด เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ทุกกลุ่ม
กว่า 3 ปีที่ได้รับมอบหมายเขาพบว่า กระแสความต้องการเครื่องประเภทนี้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ "เน็ตบุ๊ค" ซึ่งเจ้าของเน็ตบุ๊คกว่า 50% ทั่วโลกเป็นผู้ที่มีคอมพิวเตอร์ประเภทใด ประเภทหนึ่งอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อสำหรับพกพาไว้ใช้งานเคลื่อนที่ เนื่องจากมีน้ำหนักเบา
แต่สำหรับประเทศไทยเขาให้ความเห็นว่า ส่วนใหญ่ยังเป็นการซื้อเน็ตบุ๊ค และเน็ตท็อป เพื่อการใช้งานคอมพิวเตอร์ครั้งแรก โดยประเมินในภาพรวมที่สามารถเก็บตัวเลขได้พบว่า ตลาดเน็ตท็อปมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"คงประเมินตัวเลขที่แท้จริงไม่ได้ แต่ในภาพรวมส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดของ First time buyer เพราะไทยยังถือเป็นตลาดเกิดใหม่สำหรับอินเทล ซึ่งมีโอกาสขยายตัวได้สูงมาก และที่ผ่านมากระแสเน็ตบุ๊คก็ค่อนข้างดี ซึ่งเป็นสัญญาณดีว่าเราเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพราะเราต้องการทลายกำแพงอุปสรรคราคา เพื่อทำให้ปัญหาช่องว่างดิจิทัลลดลง" ผู้บริหารอินเทลว่า
ชี้เทรนด์ขายพ่วง บ.สื่อสาร
ด้านการผลักดันตลาด เขายอมรับว่า นอกจากอินเทลแล้วยังจะต้องได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ทั้งกลุ่มโออีเอ็มเพื่อพัฒนาตัวเครื่อง รวมทั้งการจับมือกับพันธมิตรในกลุ่มบริษัทสื่อสาร ซึ่งเชื่อว่ากำลังจะเป็นแนวทางใหม่ในการทำตลาดที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์รุ่นเล็กเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
"เคลดี" ยกตัวอย่าง ความร่วมมือทำโปรโมชั่นกับบริษัทสื่อสารในฟิลิปปินส์ เพื่อบันเดิลแพ็คเกจดีเอสแอล และบรอดแบนด์ กับคอมพิวเตอร์ของอินเทล ขณะที่ในเวียดนามก็มีโครงการให้แอพพลิเคชั่นด้านการศึกษาสำหรับผู้ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องแรก
ส่วนไทยก็มีโครงการ "มาย แฟมิลี่ พีซี" ที่อินเทลทำร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งไอที และสื่อสาร ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นตลาดเน็ตท็อป ที่ได้รับการตอบรับดีจากผู้ใช้ในประเทศ
เขาเชื่อว่า สิ่งที่จะกระตุ้นให้ตลาด "เน็ตบุ๊ค" ยังเติบโตต่อไปได้ แม้ราคาโน้ตบุ๊คจะขยับลงมาใกล้เคียงกันมาก นั่นคือ ความเหนือกว่าในมุมของขนาดเครื่องที่เล็กกว่า, น้ำหนักเบากว่า และราคาที่ยังคงต่ำกว่าโน้ตบุ๊ค
ขณะที่ "เน็ตท็อป" จะเริ่มมีบทบาทโดดเด่นในเรื่องของราคาที่ต่ำกว่าเครื่องตั้งโต๊ะทั่วไป แต่ก็ยังสามารถตอบสนองการใช้งานพื้นฐานได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง
"ผมตั้งความหวังจะผลักดันตลาดเน็ตท็อปให้มียอดขายดีขึ้นในตลาดกำลังพัฒนา เหมือนกับที่ทำได้แล้วในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว จากปัจจุบันยอดขายในเชิงโวลุ่มส่วนใหญ่ยังคงมาจากเน็ตบุ๊ค ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เราทำให้คนมีพีซีใช้เป็นเครื่องแรกได้มากขึ้น" เคลดีว่า
ทายาทอะตอมมาแน่ต้นปีหน้า
พร้อมกันนี้เขาเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 บริษัทมีแผนเปิดตัวอินเทล อะตอม เจเนอเรชั่นใหม่ "ไพน์ เทรล-ดี (Pine Trail-D Platform)" ซึ่งจะเป็นการผลัดใบจากแพลตฟอร์มปัจจุบันที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา โดยจะจัดเป็นแพลตฟอร์มอะตอมยุคหน้าที่มีทั้งแบบซิงเกิล คอร์ และดูอัล คอร์ ที่จะเอื้อต่อการใช้งานฟังก์ชันสูงๆ มากขึ้น เช่น การใช้ในคอมพิวเตอร์ออล อิน วัน และคอมพิวเตอร์ที่มีรูปทรงขนาดเล็กลง (Small Form Facter)
ขณะที่ไฮไลต์เด่นของเทคโนโลยีดังกล่าวคือ การออกแบบให้ไม่มีพัดลม เพื่อลดความดังในการทำงานของเครื่อง และทำให้การดีไซน์เครื่องให้มีขนาดพื้นที่เล็กลงได้ง่ายมากขึ้น โดยที่ประสิทธิภาพการประมวลผลเพิ่มขึ้น และยังคงใช้พลังงานน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารอารมณ์ดียังบอกอีกว่า เทคโนโลยีใหม่ทั้ง 3 จี และไวแม็กซ์จะเป็น "ตัวจักร" สำคัญที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดความต้องการ "การเชื่อมต่อ" มากขึ้น ซึ่งเขาเชื่อว่า เมื่อถึงเวลานั้นความต้องการเครื่องเพื่อใช้เทคโนโลยีดังกล่าวก็จะยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
ขอบคุณข่าวจาก"กรุงเทพธุรกิจ"
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Network : มือใหม่ไม่เข้าใจอุปกรณ์เครือข่าย
ฮับ (Hub) เป็นอุปกรณ์ที่ถือว่าพื้นฐานมากๆ สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยการทำงานของมันมีหลักง่ายๆ อยู่ว่า เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งบนเครือข่ายต้องการส่งข้อมูลไปให้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ฮับจะทำการส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการทำงานสักเท่าไร เนื่องจากในกรณีที่เกิดมีคอมพิวเตอร์หลายตัวบนเครือข่ายต้องการส่งข้อมูลไปหาเครื่องเป้าหมายพร้อมๆ กัน เครือข่ายก็จะไม่ว่าง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ทำงานช้าลงนั่นเอง
คำตอบที่ดีกว่าฮับก็คือ สวิตช์ (Switch) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์เช่นเดียวกัน โดยการทำงานของมันจะเหมือนกับฮับ แต่มันจะใช้วิธีส่งข้อมูลไปยังเครื่องเป้าหมาย แทนการส่งออกไปยังทุกเครื่อง
ส่วนเราเตอร์ (Router) จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย ในกรณีของผู้ใช้ท่านนี้ เราเตอร์จะสามารถทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องภายในบ้านของเขากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั่นเอง โดยทั่วไปเราเตอร์จะมีสวิตช์อยู่ภายใน ดังนั้น มันจึงสามารถส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเครือข่ายในบ้าน และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้พร้อมกัน คำตอบที่นายเกาเหลาสรุปให้กับมือใหม่คนนี้ก็คือ เลือกซื้อเป็นเราเตอร์ไปเลย เป็นคำตอบสุดท้ายครับ
ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เอเซอร์ เปิดตัวแอลซีดีมัลติทัชสกรีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดตัว แอลซีดี มอนิเตอร์ รุ่น ทีซีรี่ย์ ขนาด 23 นิ้ว ไวด์สกรีน 16:9 รองรับระบบปฏิบัติใหม่ล่าสุดจาก ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ 7 ให้สั่งงานผ่านหน้าจอด้วยปลายนิ้วสัมผัส หรือแม้แต่การคีย์ข้อมูลผ่านคีย์บอร์ดหน้าจอก็ทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยเทคโนโลยีทัสกรีนมอนิเตอร์ อีกทั้ง ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องสัมผัสหน้าจอบ่อยครั้ง จึงออกแบบหน้าจอให้สามารถปรับหน้าจอขึ้น-ลง หันซ้าย-ขวา ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการใช้งานรองรับ Full HD 1080p ความคมชัดสูงสุด 80,000:1 ความเร็วตอบสนอง 2 มิลลิวินาที ลำโพงแบบ built-in ช่องเชื่อมต่อแบบ DVI และ HDMI ในราคาเพียง 13,900 บาท (ราคารวม Vat แล้ว) สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร 0 2685 4311 หรือ www.acer.co.th
วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552
10 สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดปัญหากับ Windows
หนี่งในวิธีแก้ ปัญหาที่ง่ายและมักจะได้ผลเสมอ คือการ Restart เครื่อง หรือเปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ เพราะระบบปฏิบัติการ Windows เมื่อทำงานได้สักระยะหนึ่งมันอาจจะสับสนอะไรบ้างอย่างในตัวของมันเอง ทำให้มันแสดงพฤติกรรมแปลกที่ทำให้ผู้ใช้งานเกิดปัญหาได้
2. เปิดเข้าไปดูที่ Action Center (เฉพาะ Windows 7 เท่านั้น)
ผู้พัฒนา Windows คงทราบดีว่า Windows นั้นมีปัญหามากมายที่แก้ไขเท่าไหร่ก็ไม่จบ ดังนั้นใน Windows 7 ซึ่งเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ทางผู้ัพัฒนาจึงได้คิดค้นระบบที่จะมาช่วยให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ จัดการกับปัญหาของ Windows ได้ง่ายขึ้น ระบบที่ว่านี้ก็คือ Action Center ที่มีอยู่ใน Windows 7 นั่นเอง
ในหน้าต่างของ Action Center ให้คุณลองคลิกที่ปุ่ม Troubleshooting เมื่อคลิกแล้วระบบจะทำการค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่คุณกำลังเจออยู่ให้ อัตโนมัติ และถ้าหากเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้อัตโนมัติระบบก็จะขึ้นข้อความแนะนำ เพื่อให้คุณทราบว่าควรจะทำอะไรต่อไป
3. ลองอัพเดต Windows ดู
ปัญหาที่คุณเจอ อาจจะเป็นปัญหาที่ไมโครซอฟต์บริษัทผู้ผลิต Windows ทราบอยู่แล้ว และได้สร้างตัวแก้ไขมาให้คุณไว้เรียบร้อยแล้ว หน้าที่ของคุณคือคุณจะต้องเอาตัวแก้ไขเหล่านั้นมาติดตั้งใน Windows ของคุณเพื่อตัดตอนปัญหาต่างๆที่คุณเจอ ระบบที่จะช่วยให้คุณอัพเดต Windows ได้อย่างง่ายๆ มีชื่อว่า Microsoft Windows Update ซึ่งในกระบวนการอัพเดตคุณจำเป็นจะต้องต่ออินเทอร์เน็ตเอาไว้ด้วย เพื่อให้ระบบอัพเดตสามารถดาวโหลดตัวแก้ไขต่างๆจากเว็บไซต์ของไมโครซอฟต์ได้
4. ลงไดรเวอร์ใหม่
ในวิธีที่จัดการกับปัญหาเรื่องไดร์เวอร์และฮาร์ดแวร์ได้ชะงัก คือการติดตั้งไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุด หรือถ้าไม่สามารถหาไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุดได้ ก็ได้เอาไดรเวอร์ตัวเดิมนั่นแหล่ะติดตั้งกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งนึง เพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาของคุณได้อย่างได้ผลเลยทีเดียว
วิธีการลงไดรเวอร์ตัวใหม่ คุณต้องเข้าไปที่ Device Manager ก่อน แล้วทำคลิกขวาเลือกฮาร์ดแวร์ที่คุณต้องการจะจัดการแก้ปัญหา จากนั้นก็ให้คลิกเลือก Update Driver สำหรับการติดตั้งไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุด หรือคลิกเลือก Uninstall เพื่อลบไดรเวอร์ที่ค้างอยู่ในระบบแล้วค่อยเอาไดร์เวอร์ที่คุณมีติดตั้งเข้า ไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง
5. ทำความสะอาดเครื่อง
ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นด้วย Disk Cleanupหนึ่ง ในตัวสร้างปัญหาให้กับ Windows คือการที่มีไฟล์ขยะรกเต็มเครื่องมากเิกินไป ดังนั้นการลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นทิ้งเสียบ้างจะช่วยลดและป้องกันปัญหาได้ ซึ่งใน Windows ก็มีเครื่องมือสำหรับช่วยลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกจากเครื่องได้อย่างอัตโนมัติ เครื่องมือที่ว่าก็คือ Disk Cleanup นั่นเอง
6. ใช้โปรแกรมตรวจสอบไฟล์ระบบ
หนึ่งในอาการที่สร้างปัญหาน่าปวดหัวใน Windows คืออาการไฟล์ระบบเสีย แต่โชคดีที่ Windows มีตัวสำหรับแก้ไขและซ่อมไฟล์ระบบมาให้ด้วย แต่โปรแกรมนี้จะต้องใช้งานในแบบ Command line เท่านั้น วิธีใช้ก็แค่เปิดหน้าต่าง Command โดยพิมพ์คำสั่ง cmd ลงในช่อง Run แล้วตามด้วยคำสั่ง "SFC /SCANNOW" (คำสั่งไม่ต้องมีเครื่องหมาย " นะครับ) สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista และ Windows 7 ต้องเลือกเปิดหน้าต่าง Command ด้วนสิทธิแบบ Administrator ก่อนนะครับถึงใช้คำสั่งนี้ได้
7. ลงโปรแกรมใหม่
ถ้าปัญหาใน Windows ของคุณเกี่ยวข้องกับโปรแกรมที่คุณติดตั้งเข้าไปล่ะก็ มีวิธีหนึ่งที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างชะงัก คือการลบและติดตั้งโปรแกรมใหม่ วิธีทำก็ไม่ยากครับ แค่ Uninstall โปรแกรมออกก่อน โดยคลิก Uninstall ในเมนูของโปรแกรม หรือใช้ Add/Remove Programs ใน Control Panel ก็ได้ หลังจากลบโปรแกรมทิ้งไปแล้ว ก็ให้เริ่มติดตั้งโปรแกรมใหม่อีกครั้ง เท่านั้นปัญหาของโปรแกรมของคุณน่าจะได้รับการแก้ไขและตัวโปรแกรมก็จะกลับมา ใช้งานได้ดีดังเดิม
8. เข้าเว็บ Microsoft Fix-it
สำหรับปัญหาที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ อย่างหน้าต่าง error ที่ขึ้นโค้ดประหลาดๆ (เช่น 0X80072EE4) คุณสามารถหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยเข้าไปขอความช่วยเหลือจากไมโครซอฟต์ที่เว็บ Microsoft Fix-it (http://support.microsoft.com/gp/cp_fixit_main) ในหน้าเว็บไซต์คุณสามารถเอาโค้ด error ไปค้นหาวิธีแก้ไขได้ หรือถ้าหมดหนทางจริงๆ คุณก็ยังสามารถติดต่อกับไมโครซอฟต์เพื่อคำแนะนำได้อีกด้วย
9. ค้นหาความช่วยเหลือจาก Google
เมื่อไมโครซอฟต์เริ่มพึ่งไม่ได้ เราคงต้องหันมาพึ่งตัวเองด้วยบริการค้นหาทันใจแบบทุกซอกทุกมุมจาก Google ให้คุณลองใช้คำค้นที่สั้นและเฉพาะเจาะจงกับปัญหาที่คุณเจอ ถ้าจะให้ดีควรเลือกใช้คำค้นเป็นภาษาอังกฤษจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า แต่ถ้าหากคุณเป็นนักค้นหาที่ไม่ค่อยเก่งและยังไม่เก่งภาษาอังกฤษอีกด้วย เราแนะนำให้ข้ามวิธีนี้ไปเลยครับ
10. แก้ไม่ได้ จนปัญญา ให้ลองลง Windows ใหม่ดู
วิธีสุดคลาสสิกที่แก้ไขปัญหาได้เกือบทุกอย่างคือการติดตั้ง Windows ใหม่ สำหรับวิธีนี้คุณยังมีทางให้เลือก 3 ทางคือ
ลง Windows แบบแก้ปัญหาตัวเดิม(หรือที่เรียกว่าลงแบบ Repair) ลง Windows แบบทับตัวเดิม (หรือที่เรียกว่าลงแบบ Upgrade) ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้กับแผ่นติดตั้ง Windows บางแบบบางรุ่นเท่านั้นนะครับ ถ้าใส่แผ่น Windows เข้าไปในเครื่องของคุณในขณะใช้ Windows ตัวเดิมอยู่ แล้วตัวติดตั้งมันขึ้น Option ให้เลือกแบบ Upgrade แสดงว่าใช้วิธีนี้ได้ครับ ลง Windows แบบล้างเครื่องลงใหม่ วิธีนี้ค่อนข้างจะโหดร้าย ยุ่งยาก และอาจทำให้ข้อมูลในเครื่องของคุณหายได้(ถ้าคุณไม่ได้สำรองข้อมูลเอาไว้ก่อน ) แต่ก็จัดเป็นวิธีที่ได้ผลเป็นที่สุด ใครลองวิธีไหนแล้วไม่หายให้ลองวิธีนี้ดู รับประกันผลครับว่า Windows ของคุณจะกลับมาโลดเล่นเหมือนตอนซื้อเครื่องมาใหม่แน่นอน
วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Error code 0xc000026C/ 0xc0000221
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Vista : เสกไดรฟ์ให้ล่องหน.
ขั้นแรกเราต้องเตรียมระบบให้พร้อมสำหรับการซ่อนไดรฟ์ของเราก่อน โดยเปิดโปรแกรม Registry Editor (ในช่อง Run พิมพ์คำสั่ง regedit.exe) จากนั้นในกรอบด้านซ้ายมือของหน้าต่างโปรแกรมคลิ้กเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer
ถ้าชั้นในสุดไม่พบคีย์ Explorer ให้คลิ้กขวาบนรายการ Policies เลือกคำสั่ง New Key แล้วตั้งชื่อ Explorer
เสร็จแล้วในกรอบทางด้านขวามือให้คลิ้กขวาเลือกคำสั่ง New ตามด้วย 32-bit DWORD พร้อมทั้งตั้งชื่อว่า NoDrives ค่าที่สร้างขึ้นนี้จะเป็นตัวเลข 32 บิต โดยบิตต่างๆ จะถูกจัดเรียงลำดับย้อนศรการเรียงตัวอักษร A ถึง Z ดังนี้
ในกรณีนี้เราต้องการซ่อนไดรฟ์ A: ค่าที่ได้จึงเป็น 1 ในเลขฐานสิบ (Decimal) หากต้องการซ่อนไดรฟ์ D: ค่าที่ได้ก็จะเป็น 1000 ในเลขฐานสองหรือ 8 ในเลขฐานสิบนั่นเอง เราสามารถซ่อนได้มากกว่าหนึ่งไดรฟ์พร้อมกัน เช่น ถ้าต้องการซ่อนทั้งไดรฟ์ A: และ D: ค่าของ NoDrives ก็คือ 1001 หรือ 9 นั่นเอง ไม่ยากนะครับ
กลับมาที่ตัวอย่าง ซึ่งเราต้องการซ่อนไดรฟ์ A เพียงไดรฟ์เดียว ดังนั้น ค่าที่กำหนดให้กับ NoDrives จึงเป็น 1 คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดโปรแกรม
ขั้นตอนต่อมาก็คือ การรีสตาร์ตโปรแกรม explorer.exe ซึ่งสามารถทำได้ใน Task Manager หรือจะใช้วิธีล็อกออฟ แล้วล็อกอินกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยหลังจากรีสตาร์ตเสร็จแล้วคุณจะพบว่า ไอคอนไดรฟ์ A: ใน My Computer ได้ล่องหนไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการแก้ไขกลับคืนก็สามารถทำได้โดยเข้าไปลบคีย์ NoDrives ออกไป แล้วรีสตาร์ต explorer.exe ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม...อ้อ ผู้รู้บอกว่า ทิปนี้เวิร์กใน XP ด้วยเหมือนกันครับ
ขอบคุณทิปจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x000000D1
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552
Internet Explorer 8 "ปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อออนไลน์"
รู้หรือไม่ว่า มัลแวร์ คือซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความเสียหายใ้ห้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์ มัลแวร์อาจถูกดาวน์โหลดโดยที่คุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ได้อนุญาต ฟิชชิ่ง คือช่องทางสำหรับอาชญากรในการดึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ (เช่น หมายเลขบัตรเครดิต) โดยแสร้งว่าเป็นองค์กรที่ถูกกฏหมาย เช่น ธนาคารของคุณ Internet Explorer จะช่วยป้องกันการจู่โจมเหล่านี้ และอื่นๆ อีกมากมาย การให้บริการเบราว์เซอร์ที่ไว้วา่งใจได้นั้น หมายถึงเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัยสูงและเชื่อถือได้ เป็นเบราว์เซอร์ที่เคารพการตัดสินใจของผู้ใช้งาน และช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมคอมพิวเตอร์และข้อมูลของตนเองได้
Internet Explorer 8 ขอแนะนำคุณสมบัติในการตรวจพบรหัสที่เป็นอันตรายบนเว็บไซต์ที่ละเมิดความปลอดภัย เพื่อช่วยปกป้องคุณจากการถูกหาผลประโยชน์ที่นำไปสู่การเิปิดเผยข้อมูล การขโมยคุกกี้ การโจรกรรมบัญชีผู้ใช้/ข้อมูลประจำตัว และอื่นๆ การจู่โจมเหล่านี้เป็นการคุกคามทางออนไลน์ประเภทหลัก เราจึงได้รวม Cross Site Scripting ซึ่งเป็นตัวกรองชนิดใหม่ เพื่อให้คุณออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น การเน้นโดเมน
การเน้นโดเมนทำใ้ห้คุณตีความที่อยู่เว็บต่างๆ (URLs) ได้ง่ายขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ประสงค์ร้ายและฟิชชิ่งเว็บไซต์ที่พยายามลวงคุณด้วยที่อยู่เว็บซึ่งชวนให้เข้าใจผิด ุคุูณลักษณะนี้จะเน้นสีดำที่ชื่อโดเมนที่ปรากฏในแถบที่อยู่ และส่วนอื่นๆของ URL จะแสดงด้วยสีเทา เพื่อให้ระบุคุณลักษณะเฉพาะของเว็บไซต์นั้นๆ ได้ง่ายขึ้น
Data Execution Prevention (DEP) (การป้องกันการดำเนินการข้อมูล)
การป้องกันการดำเนินการข้อมูล (DEP) ที่เปิดการทำงานตามค่าเริ่มต้นของ Internet Explorer 8 ใน Windows Vista Service Pack 1 นั้นเป็นคุณลักษณะเพื่อความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณจากความเสียหายที่เกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์และการคุกคามความปลอดภัยต่างๆ โดยป้องกันไม่ให้มีการเขียนรหัสบางประเภทลงในพื้นที่หน่วยความจำที่ปฏิบัติการได้
ขอบคุณบทความจาก ไมโครซอฟท์
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552
Firefox : อีกหนึ่งเคล็ดลับของการเร่งสปีด
ขั้นตอนของการปรับแต่งก็ยังคงต้องเข้าไปที่หน้าคอนฟิกที่ซ่อนไว้เหมือนเดิม โดยเปิดโปรแกรมบราวเซอร์ Firefox จากนั้นในช่องป้อนแอดเดรสของเว็บไซต์ให้พิมพ์คำสั่ง about:config แล้วกดปุ่ม Enter รายการของข้อกำหนดการทำงานต่างๆ ของโปรแกรมจะปรากฏขึ้นมา ให้คลิ้กเลื่อนลงมาจนกระทั่งพบหัวข้อ network. prefetch-next หรือพิมพ์ในช่อง Filter ซึ่งเร็วกว่าใช้สายตาควานหาแน่นอน ยกเว้นคุณจะพิมพ์ผิด
แต่เอาละครับ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อพบรายการของข้อกำหนดนี้แล้ว สังเกตที่คอลัมน์ Value จะพบว่า มันได้รับการกำหนดให้มีค่าบูลีนเป็น true ให้ดับเบิลคลิ้กบนรายการ เพื่อสลับค่าเป็น false ปิดบราวเซอร์ แล้วเปิดให้ขึ้นทำงานใหม่
อีกครั้งทดลองพิมพ์ URL ของเว็บไซต์โปรดแล้วกด Enter เพื่อนๆ จะสังเกตเห็นความเร็วของการเปิดหน้าเว็บที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน นายเกาเหลาลองแล้ว...ชอบจริงๆ เทคนิคง่ายๆ และได้ผลอย่างนี้
ทิปจาก : www.arip.co.th
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
เร่งความเร็ว Firefox ให้แรงสะใจ!
แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ ใช้งานและติดตั้งง่ายมาก
ขอบคุณบทความของ 2beshop.com
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552
Download: แต่งร้อยภาพในคลิ้กเดียว
Image Tuner เป็นซอฟต์แวร์แจกฟรีที่สามารถปรับขนาด แปลงไฟล์ ใส่ลายน้ำ และเปลี่ยนชื่อไฟล์ภาพทั้งหมดได้ในคราวเดียว (batch) โดยสามารถแปลงไฟล์ภาพให้อยู่ในฟอร์แมตต่างๆ ได้มากกว่า 20 ฟอร์แมตด้วยกัน เช่น JPEG, BMP, PNG, TIFF หรือ GIF เป็นต้น ขณะเดียวกันมันยังรองรับฟอร์แมตไฟล์ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลได้หลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น CRW, CR2, RAW, NEF, DCR, X3Fและ ORF สำหรับคุณผู้อ่านที่ต้องเตรียมไฟล์ภาพดิจิตอล เพื่ออัพโหลดเข้าไปใน iPhone, iPod, Facebook, Twitter และ DVD ไม่ควรพลาด!!! ที่สำคัญขนาดโปรแกรมยังเล็กมากอีกด้วยแค่ 2MB เท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.arip.co.th
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x000000ED
วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x0000001E
วิธีแก้ปัญหาให้ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ในดิสก์ที่มีเนื้อหาที่ว่างพอ อัพเดตไบออสด้วยหากเมนบอร์ดของคุณใช้ไบออสที่มีเวอร์ชั่นเก่าเกินไป
วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x000000EA
วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code 0x0000000A
วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552
Error Code คืออะไร ???
ถ้าคุณใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์อยู่เป็นประจำละก็ ผมเชื่อว่าต้องเคยพบกับรายงานความผิดพลาดอย่าง Error 126, STOP: 0x0000007B (0xF741B84C,0xC0000034,0x00000000,0x00000000) หรือไม่ก็ Error 0x800a0099 ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “บลูสกรีน”
หรือแม้แต่แสดงผ่านแมสเสจ บ็อกซ์ ของวินโดวส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้น และแนะนำให้คุณแก้ปัญหาเบื้องต้นนี้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะสนใจและอ่านรายงานความผิดพลาดจนจบ เมื่อเจอกับข้อความ Error เข้า ส่วนใหญ่ก็จะไล่ปิดหน้าต่างหนีไปซะเลย ทำให้ปัญหาเหล่านั้นยังคงค้างคาอยู่ในเครื่อง และรอวันที่จะสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะส่วนของโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องของคุณอีกด้วย ที่อาจจะเริ่มทำงานผิดปกติ แต่ผู้ใช้กลับไม่รู้ตัว เพราะมีเพียงซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเท่านั้น ที่จะทราบถึงปัญหาความผิดปกติเล็กน้อยที่เริ่มก่อตัวขึ้น ดังนั้น ถ้าวันใดที่คุณพบ Error Code หรือรายงานความผิดพลาดแจ้งขึ้นมาอีก แนะนำให้ทำความเข้าใจกับมันก่อน คุณอาจจะจดเอาไว้ในกระดาษ แล้วค่อยไปค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทีหลัง
Error Code ไม่หน้ากลัวอย่างที่คิด
การคิดไปล่วงหน้าเองว่า ตัวคุณจะรับมือกับความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์ และวินโดวส์โดยลำพังไม่ไหวนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไปซักนิด เพราะถ้าคุณยังไม่ได้ลงมือทำ หรือแก้ปัญหาด้วยตนเองก็จะไม่รู้เลยว่า ทุกปัญหานั้นยังพอมีทางแก้ไข ถึงแม้บางทีจะไม่ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ตามแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณรักษาข้อมูลสำคัญเอาไว้ได้เช่นกัน
เมื่อวินโดวส์แสดงรหัสความผิดพลาดอย่าง Error Code หรือ Error Message ต่างๆขึ้นมาอย่าเพิ่งตกใจชัตดาวน์เครื่องแล้วหนีปัญหาไปนะครับ ถ้าเป็นหน้าจอบลูสกรีน แล้วมีตัวหนังสือเยอะๆ หรือตัวเลขฐาน 16 ที่คุณไม่รู้ความหมายนั้น ให้อ่านข้อมูลคร่าวๆ ที่เป็นการแจ้งความผิดพลาดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้จด Error Code หรืออาจจะเป็น Error Message ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอลงในกระดาษ คุณอาจใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อเก็บรายระเอียดต่างๆ ให้หมด การค้นหาคำตอบหรือความหมายของรหัสความผิดพลาดเหล่านั้นให้เริ่มต้นจาก Help ของวินโดวส์ก่อน ถ้าไม่พบข้อมูลที่ต้องการก็ให้ค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูล เว็บไดเรกทอรีต่างๆโดยเฉพาะที่เว็บ http://support.microsoft.com นั้น เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ที่ควรเข้าไปใช้บริการบ่อยๆ เพราะเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์โดยตรง แต่บางที การค้นหาเอาตามเว็บบอร์ดไอทีต่างๆ อาจได้คำตอบเร็วกว่าที่คิด เพราะมีคนเข้าออกและผ่านเข้ามาตอบปัญหาให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผมคนหนึ่งละครับ ที่มักจะขอความช่วยเหลือจากที่นี่
และหลังจากที่ทุกคนได้อ่านบทความ ณ ที่นี้จนจบแล้ว เชื่อว่าพวกคุณพร้อมแล้วกับการพิชิตปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง
วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552
ไขปัญหาจุกจิกในการแสดงผล
ต้องพิมพ์ตัวต่อไปก่อนจึงจะเห็น เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ๆ กับผู้ที่ใช้การ์ดจอของ TNT ครับให้ลองหา Driver รุ่นใหม่ ๆ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอมาใช้ จะแก้ไขได้หรือใช้ Driver ของ Detonator Version 3.65 หรือใหม่กว่านี้ขึ้นไป หาได้จาก http://www.nvidia.com
ปัญหาสีเพี้ยนของหน้าจอแก้ปัญหาอย่างไร
ปัญหาสีเพี้ยนลักษณะนี้อาจเกิดจากคลื่นแม่เหล็กที่วางอยู่ใกล้ ( ตู้เย็น,เตาอบไมโครเวฟ,ลำโพง ) ภาพที่ปรากฎ จึงมีสีเพี้ยนไป ซึ่งหากว่ามีการนำลำโพงที่ไม่มี Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็ก ไปวางไว้ข้างจอคอมพิวเตอร์ ก็อาจพบว่าภาพบนจอคอมพิวเตอร์แสดงสีเพี้ยน ๆ เพราะว่าในตัวของลำโพงจะประกอบไปด้วยคลื่นแม่เหล็กแรงสูงอยู่ภายใน จึงทำให้มอนิเตอร์ที่มีการใช้สนามแม่เหล็กในการควบคุมการยิงเม็ดสี ให้ตกกระทบ ตรงตำแหน่งบนหน้าจออย่างถูกต้อง เกิดอาการยิงผิดยิงถูก ภาพที่ออกมาจึงมีสี เพี้ยนไป วิธีการแก้ไขก็เพียงวางลำโพงให้ห่างจากจอคอมพิวเตอร์พอประมาณ หรือหาลำโพงที่ Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็กมาใช้ ภาพสีก็จะหายไปครับ แต่ถ้าอาการยัง ไม่ดีขึ้น ควรให้ช่างตรวจเช็คดูดีกว่า เพราะบางทีอาจมีปัญหาที่จอมอนิเตอร์เอง
เพราะเหตุใดจอจึงดับโดยไร้สาเหตุ
ใช้ Windows 98 ตอนบูตเครื่องขึ้นมาไม่มีปัญหา แต่ถ้าทิ้งเครื่องไว้สักประมาณ 5 นาทีหรือขณะกำลังทำงาน อยู่ จอก็ดับไปเฉย ๆ แต่เครื่องทำงานอยู่ ถ้าไปกดปุ่ม ESC ก็จะกลับมาเหมือนเดิม สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็คือ เกิดจากการตั้งค่า ในส่วน Power Management ( การประหยัดในวินโดวส์ เมื่อไม่ได้ทำงานบนคอมพิวเตอร์เป็นเวาลานาน ๆ ) ของวินโดวส์ ซึ่งขั้นตอนการแก้ไขก็ทำตามขั้นตอนดังนี้
1 เข้าไปในส่วนของ Display Properties คลิกแท็บ Screen Saver
2 คลิกปุ่ม Setting
3 คลิกที่แท็บ Power Schemes
4 เลือกค่าต่าง ๆ ในส่วนของ Setting for Always.... ให้เป็น Never ให้หมด และคลิกปุ่ม OK เพื่อทำการบันทึกค่า
5 คลิกปุ่ม OK อีกครั้งเพื่อปิด หน้าต่าง Display Propertie เพียงแค่นี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว
ชัตดาวน์แล้วปรากฎข้อความ "Windows protect error"
ปัญหานี้มักจะเกิดมาจากไดรเวอร์ของอุปกรณ์ฮาร์แวร์ประเภทการ์ดจอ และเมนบอร์ดเสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งการแก้ไขทั่ว ไปก็ให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ ตัวใหม่ ๆ จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต มาแทนไดรเวอร์ ตัวเก่า ส่วนคนที่ใช้การ์ดจอของ Nvidia และใช้ไดรเวอร์ Detemator 3 (6.xx) ก็จะเกิดปัญหานี้ด้วย เพราะว่า Detemator 3 (6.xx) จะไม่ทำการเคลียร์แรม เมื่อเลิกใช้ พอทำการชัตดาวน์วินโดวส์มันจะจัดการกับแรมที่ค้างไม่ได้ จึงขึ้นข้อความ Protection Error ทางแก้ไขนั้นให้ทำการ ดาวน์โหลดไดรเวอร์การ์ดจอของ Nvidia เวอร์ชั่น 7.xx มาใช้งาน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ http://www.nvidia.com แต่ไดรเวอร์ตัวนี้ก็ยังมีปัญหาในการเล่น Mode 3D วิธีแก้ก็ให้คุณทำการรีสตาร์ทใหม่ 1 ครั้ง แล้วค่อยชัตดาวน์ครับ
จอภาพสั่น ๆ หรือกระพริบอยู่ตลอดเวลา ทำงานแล้วรู้สึกปวดตาจะแก้ปัญหาอย่างไรดี ??
ปัญหานี้เกิดจากคุณไม่ได้เข้าไปปรับอัตรา Refresh Rate ของจอภาพใน Windows ครับ หรือถ้าปรับแล้วก็ยังสั่นอยู่อีก ให้ลองดูครับว่ามีคลื่นสนามแม่เหล็ก มากวนจอภาพของเราหรือเปล่า เช่น จอภาพที่วางใกล้ ๆ กัน หรือจะเป็นคลื่นจากลำโพงที่วางไว้ใกล้กับจอภาพ อัตรา Refresh สูง ๆ นั้นจะช่วยให้ภาพที่แสดงออกมานั้นนิ่งดูสบายตามากขึ้น สำหรับจอภาพขนาด 15" ส่วนใหญ่จะปรับอัตรา Refresh Rate อยู่ที่ 75-85 Hz ซึ่งการปรับอัตรา Refresh Rate นี้จะสัมพันธ์กับความละเอียดของจอด้วย เช่น 800x600 @ 85Hz , 1024x768 @ 75Hz ฯลฯ ขั้นตอนการปรับอัตรา Refresh Rate ทำได้ดังนี้
- คลิกขวาที่ Desktop เลือก Properties
- คลิกที่แท็บ Settings และคลิกที่ Advanced
- คลิกที่แท็บ Adapter ที่ Refresh Rate สามารถปรับอัตรา Refresh Rate ได้ตามต้องการ
- คลิก ปุ่ม OK
- คลิกปุ่ม YES เพื่อยืนยันอีกครั้ง เพียงแค่นี้ก็สามารถแก้ปัญหาได้แล้วละครับ
หากไม่มีส่วนให้ปรับค่า Refresh Rate ทำอย่างไร
เป็นปัญหาพอสมควร เพราะหลังจากการที่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ต่าง ๆ ครบแล้วครั้นจะมาทำการปรับแต่งอัตรา Refresh Rate แต่ปรากฎว่าไม่สามารถทำได้เลย เพราะไม่มีช่องให้ปรับแต่ง ซึ่งหากว่าพบปัณหาแบบนี้ก็ต้อง ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการปรับแต่งนั่นก็คือ โปรแกรม Power Strip โดยสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download.com เมื่อทำการ ดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จแล้ว ตัวโปรแกรมก็จะฝังตัวอยู่ที่ทาส์บาร์ใกล้ ๆ กับนาฬิกาด้านขวาล่าง ซึ่งขั้นตอนในการปรับแต่งจากโปรแกรม Power Strip มีดังนี้
1 คลิกขวาที่ไอคอน Power Strip
2 เลือกไปที่ตัวเลือก Desk top
3 ปรับค่ารีเฟรชในส่วนของ Refresh Rate ซึ่งควรปรับอยู่ที่ 70-85 Hz
4 เมื่อปรับแล้วก็ให้ คลิกปุ่ม OK เท่านี้ก็สามารถปรับอัตรารีเฟรซได้แล้วครับ
วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552
การแชร์ Internet ADSL ด้วย ICS (Internet Connection Sharing)
อันดับแรกก็คงต้องทำให้เครื่องให้สามารถออกอินเทอร์เน็ตได้ก่อน โดยเครื่องนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือโมเด็มเอาไว้สำหรับต่ออินเทอร์เน็ต โดยตัวเครื่องต้องมีระบบเน็ตเวิร์กติดตั้งเอาให้เรียบร้อยก่อน สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็คือการแชร์ ICS ซึ่งเป็นฟังก์ชันมาตรฐานสำหรับวินโดวส์เอ็กซ์พีให้ทำงานขึ้นมา ขั้นตอนแรกก็ง่ายๆ ครับ ก่อนอื่นให้เซตอัพการ์ดเน็ตเวิร์กในเครื่องแรกให้มีการเซตอัพค่าหมายเลข IP ก่อน โดยการทำขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มแรกคลิกที่ปุ่มสตาร์ต เลือกที่ Control Panelจากนั้นให้เลือกที่ Network Connections
2. คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่ Local Area Connection เลือกที่ Properties แล้วก็จะปรากฏหน้าต่าง Properties ของเน็ตเวิร์กขึ้นมา
3. ให้กำหนดค่าของหมายเลขไอพีให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะออกอินเทอร์เน็ต โดยให้เลือกที่ TCP/IP จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Properties เพื่อเตรียมกำหนดค่า IP Address โดยเมื่อหน้าต่าง TCP/IP Properties
4. จากนั้นกำหนดหมายเลข IP ให้กับเครื่องเป็น 192.168.0.1 เพื่อกำหนดให้เป็นเครื่องแรก จากนั้นป้อนค่า Subnet Mark โดยให้มีค่าเป็น 255.255.255.0
5. จากนั้นไปกำหนดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งในที่นี้เราใช้การ Dial up ออกสู่อินเทอร์เน็ต ดังนั้นควรจะติดตั้งโมเด็มและสร้าง Connection สำหรับโมเด็มให้เรียบร้อยก่อนที่เข้าสู่การแชร์อินเทอร์เน็ต
วิธีการแชร์อินเทอร์เน็ต
1. เริ่มต้นคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือก Control Panel แล้วเลือกที่ Network Connection เช่นเดิม
2. ต่อมาให้คลิกขวาที่ไอคอนของไดอัลอัพที่เราจะใช้โมเด็มหมุนออกอินเทอร์เน็ตต่อไปและเลือกที่ Properties
3. จากนั้นให้เลือกที่แท็บ Advanced เพื่อกำหนดการแชร์อินเทอร์เน็ต จะเห็นหน้าต่างของการแชร์อินเทอร์เน็ตขึ้น โดยจะอยู่ในกรอบ Internet Connection Sharing ที่นี้ก็ให้เราคลิกเช็กบ็อกซ์เลือกที่ "Allow other network users to connect through this computer's internet connection" ซึ่งก็จะปรากฏหัวข้ออีกสองอันขึ้นมา
"Establish a dial-up connection whenever a computer on my network attempts to access the internet" "หัวข้อนี้จะหมายความว่า จะยอมให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่ต่ออยู่กับเน็ตเวิร์กนั้น สามารถไดอัลอัพโมเด็มที่อยู่ในเครื่องหลัก เพื่อออกสู่อินเทอร์เน็ตได้ หากว่าต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือไม่ หากต้องการให้ต้องไดอัลผ่านคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็ให้เช็กบ็อกซ์ที่อยู่ด้านหน้า หรือหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไป
"Allow other network users to control or disable the shared internet connection" หมายถึงว่าให้ผู้ใช้บนเครื่องอื่นๆ นั้น สามารถควบคุมหรือยกเลิกการแชร์อินเทอร์เน็ตในเครื่องหลักได้หรือเปล่า ซึ่งหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไปเช่นเดียวกัน โดยตามปกตินั้น ให้เราเอาหัวข้อทั้งสองออก โดยไม่ต้องไปเช็กบ็อกซ์ นั่นเอง
หลังจากนี้ก็ให้ปิดหน้าต่างทุกหน้าต่างลง เท่านี้การเซตอัพเครื่องสำหรับเตรียมให้บริการแชร์อินเทอร์เน็ตเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนการเซตอัพเครื่องในระบบเครือข่าย
หลังจากที่เซตอัพเครื่องหลักเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาถึงการเซตอัพเครื่องลูกข่ายเพื่อให้ใช้อินเทอร์เน็ตที่แชร์เอาไว้บ้างล่ะครับ ซึ่งก็เรียกว่าไม่แตกต่างไปจากการเซตอัพเครื่องหลักมากนัก โดยเราจะเน้นกันที่การเซตอัพเน็ตเวิร์กเป็นหลักซึ่งสิ่งที่ต้องการสำหรับเครื่องลูกนี้ก็คือการ์ดเน็ตเวิร์กที่เซตอัพเรียบร้อยสามารถทำงานได้เท่านั้น โดยเครื่องนี้เราไม่ต้องมีโมเด็มก็ได้ เพราะไม่จำเป็นแล้ว
เริ่มต้นด้วยการกำหนดหมายเลขไอพี สำหรับเครื่องที่ 2 โดยทำขั้นตอนเหมือนกับการเซตอัพเครื่องเซิร์ฟเวอร์ แต่เปลี่ยนหมายเลขไอพีให้เป็น 192.168.0.2 แทน โดยกำหนดให้หมายเลข 2 ตัวสุดท้ายที่เปลี่ยนแปลงนั้นหมายถึงเลข IP ประจำเครื่องที่ 2 และหากมีเครื่องมากกว่านี้ ก็ให้กำหนดเพิ่มขึ้นไป เช่น 3, 4, 5 ... นั่นเอง
หลังจากที่เรากำหนดหมายเลขไอพีเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเช็กดูว่าเครื่องที่ใช้อยู่นั้น มีหมายเลข IP ตามที่กำหนดหรือไม่ โดยการคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือกที่ RUN แล้ว พิมพ์คำว่า Command ลงไป ให้ลองตรวจสอบหมายเลขไอพี โดยพิมพ์คำว่า "IPCONFIG" ลงไปที่คอมมานพรอมต์ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะปรากฏหมายเลข IP พร้อมกับหมายเลข Subnet Mark
ที่นี้ลองตรวจสอบดูว่าเครื่องที่เราเซตอัพอยู่นี้ สามารถมองเห็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการแชร์อินเทอร์เน็ตหรือไม่ โดยการใช้คำสั่ง PING ไปที่ เครื่องหลัก โดยสั่งว่า PING 192.168.0.1 ที่คอมมานพรอมต์ เพื่อตรวจสอบแพ็กเกจข้อมูล เมื่อเครื่องลูกสามารถมองเห็นเครื่องแม่แล้ว
ทีนี้เราก็เหลือขั้นตอนการเซตอัพอยู่อีกขั้นตอนเดียวก็คือการเซตอัพคอนฟิกในIE เพื่อให้ตรวจสอบ Proxy โดยอัตโนมัติ ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเช่นเดียวกัน ขั้นตอนแรกก็เรียก IE ขึ้นมา และให้คลิกที่เมนู Tools และเลือกที่ Internet Options...
จากนั้นให้คลิกที่แท็บ Connections แล้วคลิกที่ปุ่ม LAN Settings ซึ่งอยู่ในส่วนของ Local Area Network (LANs) Settings ให้คลิกเช็กบ็อกซ์ "Automatically detect setting" เพื่อกำหนดให้ตรวจสอบ Proxy Server โดยอัตโนมัติ
หลังจากนี้ก็ให้คลิกที่ปุ่ม OK และออกจากการเซตอัพ Internet Options นี้ ซึ่งเท่านี้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มากกว่าสองเครื่องในบ้านคุณ ก็พร้อมจะใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้แอ็กเคานต์และคู่สายโทรศัพท์เพียงคู่เดียว บนวินโดวส์เอ็กซ์พีแล้ว
ขอบคุณบทความจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552
ช่วยด้วย!!! เดสก์ทอปเหลือแค่วอลล์เปเปอร์
1. ก่อนอื่น ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า อาการดังกล่าวเกิดจากไฟล์ explorer.exe เสีย ซึ่งสามารถสรุปได้ หากเพื่อนๆ ยังคงล็อกออนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ได้ แม้เมื่อเข้าไปแล้วจะไม่พบเห็นอะไรเลยนอกจากวอลล์เปเปอร์ที่ว่างเปล่าก็ตาม
2. กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Run
3. พิมพ์คำสั่ง %SystemRoot%System32estorestui.exe แล้วคลิ้กปุ่ม OK
4. รอสักครู่ หน้าต่างโปรแกรม System Restore จะปรากฏขึ้นมา
5. เลือกออปชัน “Restore this computer to an earlier point in time” แล้วคลิ้กปุ่ม Next
6. คราวนี้เลือก Restore Point (วันเวลาที่ต้องการเรียกคืนสภาพของระบบการทำงานก่อนหน้านั้น) ก่อนที่ explorer.exe จะมีปัญหา การเรียกคืนระบบจะไม่ยุ่งกับไฟล์เอกสารแต่อย่างใด ไม่ต้องกลัวว่า ถ้าย้อนเวลาไปแล้ว ไฟล์เอกสารจะหาย
7. เลือกวันที่ต้องการเรียกคืนระบบ แล้วคลิ้กปุ่ม Next
เมื่อผ่านขั้นตอนการ Restore แล้ว คอมพิวเตอร์จะรีบูต และโหลดแบ็กอัพก่อนหน้านั้น (ก่อนหน้าที่ explorer.exe จะเสีย) ซึ่งทุกอย่างบนเดสก์ทอปน่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาจะยากกว่านี้ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเพื่อนปิดการทำงานของ Restore นะครับ
ขอบคุณบทความจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552
กู้ข้อมูลจาก harddisk ที่เสียแล้ว
โดยวิธีการนี้จะช่วยให้คุณเรียกใช้งานในสถานะที่ได้ทำการ back up ข้อมูลล่าสุดไว้ได้ แต่จะไม่ถึงกับ 100% อย่างไรก็ตามคุณก็ยังได้ข้อมูลส่วนใหญ่กลับมา หลังจากนั้นให้คุณใช้ scandisk หรือ checkdisk ที่มีอยู่แล้วบน windows ทำการตรวจสอบ harddisk ของคุณอีกที
ถ้าหากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่แสดงหน้า start-up option หรือตัวเลือกต่าง ๆ ดังที่เห็นในภาพข้างบน คุณอาจจะต้อง boot คอมพิวเตอร์ผ่านแผ่น disk หรือแผ่น cd ของ windows และเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณเปลี่ยนการ boot เครื่องให้ boot ผ่านแผ่น disk หรือแผ่น cd คุณอาจจะต้องไปที่ bios เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่าให้ start-up ทำงานที่ cd-rom drive
เมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถ boot ผ่านแผ่นโปรแแกรม windows disk จะมี option ให้คุณเลือกซึ่งหนึ่งในนั้นคือ recovery console ให้คุณเลือกอันนี้โดยการกด “r” ดังตัวอย่างที่เห็นในรูป
จากนั้นหน้าจอจะไปสู่หน้าสีดำที่มีตัวหนังสือสีขาว เมื่อขึ้นหน้าจอสีดำแล้วให้คุณพิมพ์ chkdsk/r เพื่อเริ่มต้นการทำงาน checkdisk ซึ่งสามารถช่วยในการตรวจสอบปัญหา และซ่อมแซม harddisk ได้ หลังจากที่คุณทำการ checkdisk ไปเรียบร้อยแล้วถ้าได้ผลคอมพิวเตอร์ของคุณจะทำการ reboot แล้วทำงานได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตามจะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณพยายาม back up ข้อมูลไว้เป็นระยะ ๆ เนื่องจากการใช้วิธีนี้ได้ผลแค่ครั้ง หรือสองครั้งเท่านั้นถ้าอาการเกิดขึ้นบ่อย ๆ แนะนำให้ซื้อ harddisk ใหม่ไปเลยดีกว่า แล้วค่อยโอนข้อมูลที่ได้ทำการ back up ไว้แล้วถ่ายโอนไปที่ harddisk ลูกใหม่
ถ้าใช้วิธี checkdisk แล้วไม่ได้ผลให้กลับไปเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงหน้าจอ recovery console แล้วให้เลือก fixboot ซึ่งถ้าคุณเลือกตัวนี้มันจะทำการ rewrite ตัว startup sector บน harddisk ขงอคุณใหม่ และถ้าคุณเลือก fixmbr ระบบก็จะทำการซ่อมแซม master boot record
ที่กล่าวมาสองตัวหลังนี้เป็นคำสั่งการทำงานที่ค่อนข้างจะ advance ซักหน่อย จำไว้ว่าถ้าคุณเลือกสองข้อนี้ก็ต้องลุ้นกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ ให้คุณถอด harddisk ออกมาแล้วทำการต่อ harddisk ตัวนี้เข้ากับ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นผ่าน usb port ซึ่งคอมพิวเตอร์เครื่องนี้จะมอง harddisk ที่ต่อผ่าน usb port เป็น slave หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือเอา harddisk ออกมาแล้วทำเป็น external harddisk เสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเพื่อทดลองอ่านข้อมูลนั่นเอง
วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552
Vista : ยกเลิก Windows Key
พระเอกของเรายังคงเป็น Registry Editor เช่นเคย โดยเราจะเข้าไปแก้ไขให้ระบบปฏิบัติการเข้าใจว่า ไม่มีปุ่ม WinKey นั่นเอง ขั้นแรกเปิดโปรแกรมด้วยการพิมพ์คำสั่ง regedit.exe ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Run (หรือพิมพ์เข้าไปในช่อง Search แล้วกดปุ่ม Enter) เมื่อหน้าต่างโปรแกรมเปิดขึ้นมา ในกรอบทางด้านซ้ายมือ ให้คลิ้กเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\ CurrentVersion\Policies\Explorer
เมื่อเข้าไปถึงชั้นของรายการ Explorer แล้ว ให้คลิ้กบนที่ว่างในกรอบทางขวามือของหน้าต่างโปรแกรม เลือกคำสั่ง New ตามด้วย 32-bit DWORD value ตั้งชื่อเป็น NoWinKeys พร้อมทั้งกำหนดค่าให้เป็น 1
ให้คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดโปรแกรม Registry Editor จากนั้นรีสตาร์ต Explorer อีกครั้ง ด้วยการล็อกออฟออกจากระบบ แล้วล็อกออนเข้ามาใหม่ คราวนี้ ลองกดปุ่ม WinKey ร่วมกับคีย์ลัดต่างๆ เช่น WinKey + E คุณก็จะพบว่า มันไม่เปิดหน้าต่าง Explorer ให้กับคุณอีกต่อไปแล้ว
วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552
การลบข้อมูลออกจาก Document ที่อยู่ใน เมนู Start ทำอย่างไร
สำหรับ Win98
1. ให้คลิกที่ปุ่ม Start เลือกที่หัวข้อ Setting แล้วคลิกที่ Taskbar and Start menu
2. เมื่อขึ้นหน้าต่างของ Task bar and Start menu Properties ให้ท่านคลิกที่แท็บ Advance
3. จากนั้นคลิกที่ ปุ่ม Clear เท่านี้ก็เป็นการลบเรียบร้อยครับ
สำหรับ Win XP
1. ให้คลิกขวาตรงพื้นที่ว่างของ Taskbar แล้วเลือก Properties
2. คลิกที่แท็บ Start menu จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Customize
3. ในกรณีที่เป็นแบบ Classic Start Menu ให้คลิกที่ปุ่ม Clear ได้เลย
ในกรณีที่ท่านใ้ช้เมนูแบบ Start Menu เมื่อท่านคลิกที่Customizeแล้วจะปรากฎหน้าต่างCustomize Start menu ให้ท่านคลิกที่แท็บ Advance จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม Clear List ซึ่งอยู่ด้านล่างสุด แล้วคลิกที่ OK ก็เป็นการลบข้อมูลเรียบร้อยครับ และถ้าท่านไม่ต้องการให้มีการบันทึกข้อมูลเอาไว้ใน Document ให้ท่านคลิกยกเลิกเครื่องหมายถูกหน้าข้อความ List my most recently opened document เท่านี้ก็ข้อมูลของท่านก็ไม่ถูกบันทึกแล้วล่ะครับ
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Windows XP : ชอร์ตคัตสำหรับรีสตาร์ต
ก่อนหน้านี้ นายเกาเหลาเคยแนะนำวิธีสร้างชอร์ตคัตสำหรับชัตดาวน์ระบบมาแล้ว แต่ก็ไม่วาย ล่าสุดมีผู้อ่านอยากได้ชอร์ตคัตไว้สำหรับรีสตาร์ตระบบ ว่าแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่า ขั้นแรกคลิ้กขวาบนเดสก์ทอป เลือกคำสั่ง New, Shortcut จากนั้นในช่อง Type the location of the item ให้พิมพ์คำสั่งข้างล่างนี้เข้าไปครับ
%windir%\System32\shutdown.exe –r
คลิ้กปุ่ม Next ตั้งชื่อชอร์ตคัตว่า Restart ในช่อง Type a name for this shortcut แล้วคลิ้กปุ่ม Finish เพียงแค่นี้ คุณก็ได้ไอคอนชอร์ตคัตสำหรับรีสตาร์ตระบบแล้ว ไม่เชื่อก็ลองดับเบิลคลิ้กบนชอร์ตคัตอันนี้ เพื่อนๆ จะเห็นว่า ระบบจะรีสตาร์ตตัวเอง
ข้อสังเกต: ความลับของชอร์ตคัต Restart อยู่ที่สวิตช์ของคำสั่ง shutdown.exe นั่นก็คือ –r ซึ่งในกรณีของชอร์ตคัตสำหรับชัตดาวน์นั้น สวิตช์ที่ใช้จะเป็น –s คงจะจำกันได้นะครับ
ข้อมูลจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
เตือน!!! ใครใช้ password แบบนี้ เปลี่ยนซะ
วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัว โดยเฉพาะผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และระบบใดๆ ก็ตามที่ต้องให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่าน หรือ password ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่หลายคนกลับมองข้าม ยังคงใช้พาสเวิร์ดง่ายๆ เพราะไม่อยากคิด อยากจำ ให้วุ่นวาย แฮคเกอร์ และผู้ไม่หวังดีก็เลยช่วยจำรหัสง่ายๆ เหล่านี้แทนผู้ใช้ซะเลย ข้างล่างนี้เป็น 10 พาสเวิร์ดที่เสียงอันตรายมากที่สุด และใครที่ใช้พาสเวิร์ดเหล่านี้ กรุณาเปลี่ยนด่วนที่สุด เพราะระบบของคุณอาจถูกเจาะได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ...ว่าแล้วไปดูกันครับว่า มีพาสเวิร์ดอะไรบ้าง
1. password
2. 123456
3. qwerty
4. abc123
5. letmein
6. monkey
7. myspace 1
8. password 1
9. blink182
10. (ชื่อของคุณ)
นอกจากไม่ควรเลือกใช้พาสเวิร์ดง่ายเหล่านี้แล้ว ผู้ใช้ยังไม่ควรใช้พาสเวิร์ดอันเดียวกับหลายๆ ระบบ โดยเฉพาะพาสเวิร์ดที่ใช้ในเว็บโซเชียลอย่าง h5, myspace และ facebook เพราะหากถูกแฮคได้ และเป็นพาสเวิร์ดเดียวกันกับอีแบงกิ้งของคุณแล้วล่ะก็...จึ๋ย!!! อย่าให้พูดเลยครับว่า จะเกิดอะไรขึ้น...
ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ควรใช้พาสเวิร์ดผสมตัวอักษรกับตัวเลข เพราะมันจะใช้เวลาในการเจาะยาก และนานกว่าตัวอักษร หรือคำที่มีความหมาย...แม้นายเกาเหลาจะเคยพูดเรื่องนี้บ่อยแล้ว แต่เนื่องจากเพิ่งจะเดารหัสผ่านเข้าไปในโน้ตบุ๊กของหลานชายได้ด้วยชื่อของเขาเอง...เฮ่อ...
ขอบคุณข้อมูลจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เชื่อไหม? แฟลชไดรฟ์ใช้ได้นานแสนนาน
คำตอบแบบฟันธงก็คือ แฟลชไดรฟ์ทั่วไปไม่สามารถใช้บันทึกข้อมูลได้ถึงล้านครั้งหรอกครับ ขนาดผู้นำอย่าง Sandisk ยังออกมาบอกเลยว่า หน่วยความจำแฟลชของเขาสามารถทนต่อรอบการเขียนข้อมูล(write cycle) ได้ประมาณ 10,000 ครั้ง ซึ่งสำหรับคำว่า write cycle ในที่นี้หมายความว่า การเขียนและลบไฟล์นั้นออกไป
อย่างไรก็ตาม มันมีความเป็นไปได้ว่า หน่วยความจำบางส่วนในแฟลชไดรฟ์เสียไปแล้ว แต่เราก็ยังสามารถใช้ส่วนที่เหลือได้เป็นปกติ เพียงแต่จะไม่สามารถเขียนข้อมูลลงบนส่วนที่เสียหายได้เท่านั้น ความรู้สึกว่า แฟลชไดรฟ์ของผู้ใช้ก็คือ มันยังปกตินั่นเอง
แฟลชไดรฟ์บางรุ่นที่ฉลาดหน่อยจะมีอัลกอริธึมที่ป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์เขียนข้อมูลซ้ำลงบนหน่วยความจำเดิมอยู่บ่อยๆ โดยเลือกให้ไปเขียนในบริเวณอื่นบ้าง ด้วยวิธีนี้ก็จะแก้ปัญหาหน่วยความจำบางส่วนเสียอย่างรวดเร็ว เนื่องจากถูกเขียนบ่อยกว่าบริเวณอื่นนั่นเอง
ด้วยความที่หน่วยความจำประเภทนี้ไม่มีกลไกการเคลื่อนไหวใดๆ โอกาสที่มันจะเสียหายจึงมีน้อย แต่แล้วทำไมเพื่อนของนายเกาเหลาคนนึงถึงได้เปลี่ยนแฟลชไดรฟ์ในระยะเวลาไม่กี่เดือนทุกที พอสอบถามจึงได้ความว่า เขาใช้แฟลชไดรฟ์ในการถ่ายโอนไฟล์งานข้ามแผนก ตลอดจนรับไฟล์จากเครื่องลูกค้า เรียกได้ว่า วันหนึ่งๆ แฟลชไดรฟ์ของเขาต้องเสียบเข้า เสียบออกกับคอมพิวเตอร์เครื่องต่างๆ บ่อยมาก ซึ่งมันอาจจะเกิดปัญหากับคอนเน็คเตอร์ยูเอสบีก็ได้ ทำให้ระบบแจ้งข้อผิดพลาดว่า ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในแฟลชไดรฟ์ของเขาได้ ความจริงกรณีนี้ ชิปหน่วยความจำที่อยู่ภายในอาจจะไม่ได้เสียหายเลย แต่เป็นคอนเน็คเตอร์ต่างหากที่มีปัญหา
นอกจากนี้ การถอดแฟลชไดรฟ์ออกจากเครื่องขณะที่กำลังเขียนข้อมูลเข้าไป หรือใช้แฟลชไดรฟ์กับโน้ตบุ๊กที่แบตกำลังจะหมด เหตุการ์ณทั้งสองนี้ ระบบจะแจ้งว่า มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นกับแฟลชไดรฟ์ได้เหมือนกัน
สำหรับข้อผิดพลาดเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่า แฟลชไดร์ฟของคุณเสียแล้ว วิธีแก้ง่ายๆ ก็เพียงแค่ฟอร์แมตใหม่ อาการเพี้ยนก็จะหายไปแล้วครับ ยกเว้นปัญหาเกิดจากคอนเน็คเตอร์ USB
เพื่อความมั่นใจ ควรเลือกใช้แฟลชไดรฟ์จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ อย่าซื้อเพราะแค่ถูกอย่างเดียว เพราะข้อมูลสำคัญที่อยู่ในแฟลชไดรฟ์อาจมีมูลค่ากว่าราคาของมันหลายเท่านัก และที่สำคัญอย่าไว้ใจอุปกรณ์พวกนี้มากเกินไป ควรจะทำสำรองไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ ไว้บนสื่อบันทึกอื่นๆ ไว้ด้วย ขอให้คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน โชคดีนะครับ
ข้อมูลจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
เตือน!!! แช่แข็งแบตฯโน้ตบุ๊กระวังบึ้ม
เพราะเวลาที่แบตเตอรี่ถูกแช่แข็ง มันจะขยายตัว ซึ่งอาจทำให้ตัวถัง หรือชิ้นส่วนที่อยู่ภายในแบตฯ เสียหาย และยังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เมื่อนำแบตเตอรี่ไปใช้แล้วมันเกิดติดไฟขึ้นมาได้ ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในแบตเตอรี่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการลุกไหม้จนทำให้ต้องมีการเรียกคืนแบตเตอรี่หลายล้านก้อนที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ บางเหตุการณ์ถึงขั้นไฟไหม้บ้านเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม คุณสามารถนำแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่เป็นประจำ หรือแบตเตอรี่สำรองไปเก็บไว้ในตู้เย็นได้ แต่ต้องไม่ใช่ช่องแช่แข็งนะครับ ประเด็นที่ควรทำความเข้าใจก็คือ การนำแบตเตอรี่ไปใส่ตู้เย็นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม แต่มันช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานได้นานขึ้น
เนื่องจากความร้อนเป็นศัตรูตัวฉกาจของแบตเตอรี่ ดังนั้น การลดความร้อนจึงเป็นการยืดอายุของแบตฯ ไปโดยปริยาย การรักษาความเย็นให้กับแบตเตอรี่จะทำให้มันไม่เสื่อมเร็วนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก คอมพิวเตอร์ทูเดย์
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ขีวิต"มัลติทาสก์"ทำได้มากแต่ไม่ค่อยดี
ผลจากการทดสอบความสามารถในการให้โฟกัสในเรื่องทีกำลังสนใจกับกลุ่มนักเรียนที่ต้องเผชิญกับข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาจากหลากหลายช่องทาง ตั้งแต่อ่าน-เขียนอีเมล์ ท่องเว็บสืบค้นข้อมูล ดูคลิปวิดีโอ แชต และโทรคุยกับเพื่อนๆ ปรากฎว่า นักเรียนกลุ่มนี้จะมีโฟกัสในเรื่องต่างๆ แย่กว่ากลุ่มที่ไม่ค่อยต้องทำหลายอย่าง (low-multitasking)
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีที่ทำหลายงาน อย่างเช่น เด็กๆ จะทำการบ้านได้แย่มากในขณะที่ดูทีวีไปด้วย ขณะเดียวกัน พนักงานจะมีผลิตภาพการทำงานทีดีขึ้นเมื่อไม่ต้องคอยตรวจสอบอีเมล์ทุกๆ 5 นาที "เราต้องการทราบว่า มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อผู้คนต้องทำหลายงานตลอดเวลา?" คลิฟฟอร์ด แนสส์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระบวนการคิดจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าว
ผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ใน Proceedings of the National Academy of Sciences เมื่อวันจันทร์ทีผ่านมา โดยเขาและทีมงานได้ทำการศึกษากลุ่มนักเรียนตัวอย่าง 262 คนที่มีกิจวัตรประจำวันคือ "บริโภคสื่อ" หลากหลาย ซึ่งทีมวิจัยได้เปรียบเทียบนักเรียนที่ใช้ชีวิตแบบมัลติทาสก์สุดๆ กับกลุ่มที่ไม่ค่อยทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน โดยให้ทำแบบทดสอบบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อแรกพวกเขาจะต้องจำตัวเลขที่ล้อมกรอบด้วยสี่เหลี่ยมสีแดงที่อยู่รวมกับตัวเลขทีล้อมกรอบสีน้ำเงิน ส่วนข้อสองผู้เข้าร่วมทดสอบจะถูกสังให้จัดหมวดของกลุ่มคำต่างๆ ที่กระจัดกระจายให้เสร็จ แบบทดสอบข้อที่สามจะให้ระบุตัวอักษรที่ต้องการจากบนหน้าจอว่าอยู่ตรงไหนให้ได้ และจะทดสอบซ้ำด้วยการระบุตัวอักษรทีให้ค้นหาในตอนแรกว่าจำได้มากน้อยแค่ไหน โดยในทุกการทดสอบ ปรากฎว่า นักเรียนที่ใช้เวลาน้อยที่สุดกับการอ่านอีเมล์ ท่องเว็บ คุยโทรศัพท์ และดูทีวี จะสามารถทำแบบสอบถามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"มันเป็นเรื่องของการทดสอบทางจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน โดยในการทดสอบข้อแรก ผู้ทดสอบที่ทำได้ไม่ค่อยดี จะมีปัญหาเรื่องการแยกแยะข้อมูลข่าวสารทีไม่สัมพันธ์กัน เมื่อขาดสมาธิ (ให้เลือกเฉพาะตัวเลขที่ล้อมกรอบด้วยสีแดง) ส่วนการทดสอบที่สอง จะสะท้อนผลลัพธ์ของความสามารถในการจัดแบ่งสิ่งของ หรือเรื่องราวต่างๆ ในสมอง และข้อสุดท้ายจะทดสอบความเร็วในการสลับการทำสิ่งหนึ่งไปอีกสี่งหนึ่ง (จากให้มองหาเปลี่ยนเป็นจดจำ)" ทีมวิจัย อธิบายจุดประสงค์ของแบบทดสอบแต่ละข้อ
ความจริงแบบทดสอบที่ใช้เป็นเรื่องง่ายๆ และซับซ้อนน้อยกว่าสิ่งทีเกิดขึ้นในชีวิตจริงมาก ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีแรงกดดันมากมายจากสังคมที่่ทำให้ผู้คนวันนี้ต้องใช้ชีวิตแบบมัลติทาสก์ โดยเฉพาะการที่พวกเราอยู่ในยุคข้อมูลข่าวสารทีสามารถหลั่งไหลได้หลายช่องทาง บางคนต้องคอยทวีต อีเมล์ IM กับเพื่อนๆ หลายคน และเข้าไปในเว็บเพื่อดูข้อมูลอีกมากมายทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ไปจนถึงวิดีโอ ซึ่งมันกลายเป็นภาระที่ผูกติดชีวิตประจำวันไปแล้ว